แพทย์เผยผู้ป่วย ‘มะเร็งปอด’ มากกว่า 70% รู้ตัวระยะลุกลาม ชู AI ตรวจวินิจฉัยเร็ว-เพิ่มโอกาสรอดสูงถึง 90% เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

โรงพยาบาลพญาไท 1

โรงพยาบาลพญาไท 1 ตระหนักถึงความรุนแรงของ “โรคมะเร็งปอด” ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนไทย ด้วยสถิติผู้ป่วยใหม่กว่า 23,000 รายต่อปี และผู้เสียชีวิตเฉลี่ย 40 รายต่อวัน ซึ่งเป็นผลพวงจากปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน โดยเฉพาะ ฝุ่น PM 2.5 ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้เป็นสารก่อมะเร็งกลุ่มที่ 1 เนื่องจากอนุภาคขนาดเล็กเหล่านี้สามารถแทรกซึมถึงถุงลมในปอด ก่อให้เกิดการอักเสบเรื้อรังและกระตุ้นการกลายพันธุ์ของเซลล์ปอด ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่เร่งให้เกิดมะเร็งในกลุ่มผู้ไม่สูบบุหรี่ ร่วมกับปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น การสูบบุหรี่ ประวัติครอบครัว การสัมผัสสารเคมีอันตราย และโรคปอดเรื้อรัง

โรงพยาบาลพญาไท 1

เพื่อรับมือวิกฤตสุขภาพนี้ โรงพยาบาลพญาไท 1 จึงจัดงานเสวนา “Stop Lung Cancer, Start Early Screening” โดยได้รับการสนับสนุนจาก จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เมดเทค ประเทศไทย (จำกัด) พร้อมชูความก้าวหน้าในการนำเทคโนโลยี “Inspectra CXR” ซึ่งเป็นปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้อ่านภาพเอกซเรย์ทรวงอกร่วมกับแพทย์ พร้อมทั้งมีโปรแกรมการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดเชิงลึกด้วย Low-dose CT Scan (LDCT) ในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง การดำเนินงานดังกล่าว สอดคล้องกับนโยบายและวิสัยทัศน์ของโรงพยาบาลที่มุ่งเน้นการลงทุนด้านนวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพการรักษาและสร้างความคุ้มค่าในระยะยาว ซึ่งการวินิจฉัยที่รวดเร็วนี้ จะทำให้ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการรักษา เช่น การผ่าตัดส่องกล้อง (MIS) ตั้งแต่ระยะแรกๆ และมีโอกาสหายขาดจากโรคมะเร็งได้สูงถึง 90%

โรงพยาบาลพญาไท 1

วิกฤตภัยเงียบ: มะเร็งปอดระยะเริ่มต้นที่ไม่มีอาการและการคัดกรองเชิงรุก

พญ. ประพินทุ์ภา จงกิตติพงศ์ อายุรแพทย์โรคระบบการหายใจและภาวะวิกฤตโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลพญาไท 1 ได้ให้ความรู้ในหัวข้อ “ไขข้อข้องใจโรคมะเร็งปอด” โดยเน้นย้ำถึงกลุ่มเสี่ยงและเหตุผลที่การตรวจคัดกรองมีความสำคัญว่า “มะเร็งปอดถือเป็นภัยเงียบ ซึ่งปัจจุบันมีฝุ่น PM 2.5 เป็นตัวเร่ง ทำให้ผู้ป่วยในกลุ่มที่ไม่สูบบุหรี่เพิ่มขึ้นชัดเจน ที่น่ากังวลคือ ในระยะที่ 1 และ 2 ผู้ป่วยมักไม่มีอาการแสดงใดๆ บ่งชี้ เมื่อใดก็ตามที่เริ่มมีอาการไอเรื้อรัง หรือมีอาการเจ็บปวด มักหมายความว่าโรคเข้าสู่ระยะลุกลามแล้ว สถิติที่น่าตกใจคือ มากกว่า 70% ของผู้ป่วยถูกตรวจพบในระยะลุกลาม (Advanced Stages) ดังนั้น การตรวจคัดกรองจึงเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดเพื่อค้นพบโรคตั้งแต่ในระยะที่ยังไม่แสดงอาการ และเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยพลิกโอกาสจากความเสี่ยงให้เป็นโอกาสหายขาดได้”

ยกระดับการคัดกรอง: “Inspectra CXR” นวัตกรรมเสริมประสิทธิภาพการวินิจฉัย

โรงพยาบาลพญาไท 1 ได้ยกระดับการวินิจฉัยด้วยการนำ Inspectra CXR เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) สำหรับการคัดกรองความผิดปกติจากภาพเอกซเรย์ปอดของบริษัท เพอเซ็ปทรา จำกัด เข้ามาช่วยวิเคราะห์ภาพถ่ายเอกซเรย์ปอดในการตรวจสุขภาพทั่วไป เพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหาความผิดปกติในระยะเริ่มต้น ให้มีโอกาสตรวจพบโรคตั้งแต่แรกเริ่มและเพิ่มโอกาสในการรักษาหาย

โรงพยาบาลพญาไท 1

คุณสุพิชญา พู่พิสุทธิ์ ผู้บริหารบริษัท เพอเซ็ปทรา จำกัด กล่าวเสริมถึงบทบาทของ AI ว่า อินสเป็คทรา ซีเอ็กซ์อาร์ (Inspectra CXR) ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการพบรอยโรคล่าช้า โดยมีเป้าหมายให้ทุกคนได้รับการวินิจฉัยที่ดีอย่างเท่าเทียมกันโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในการช่วยปิดช่องว่างของข้อจำกัดต่างๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น ความขาดแคลนบุคลากร ข้อจำกัดของสายตามนุษย์ หรือข้อจำกัดเวลาในการอ่านภาพจำนวนมาก เพื่อส่งเสริมให้การตรวจคัดกรองมะเร็งปอดมีประสิทธิภาพและความแม่นยำสูงขึ้นในทุกสถานพยาบาล

ระบบอินสเป็คทรา ซีเอ็กซ์อาร์ ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือแพทย์ในการตรวจจับความผิดปกติอย่างละเอียดและแม่นยำ ระบบได้รับการฝึกฝนด้วยภาพเอกซเรย์คุณภาพสูงกว่า 1.9 ล้านภาพ โดยมีภาพจากประชากรเอเชียถึง 60% ทำให้ AI สามารถเรียนรู้และจดจำลักษณะทางกายวิภาคและรูปแบบรอยโรคที่เฉพาะเจาะจงของคนเอเชียได้อย่างแม่นยำ เรียกได้ว่าเป็น AI ที่เข้าใจร่างกายคนเอเชีย โดยระบบปัญญาประดิษฐ์ทำงานโดยการสแกนและวิเคราะห์ภาพในระดับพิกเซล ช่วยเพิ่มโอกาสในการตรวจพบรอยโรคขนาดเล็กหรือก้อนที่อาจมองไม่เห็นชัดด้วยสายตามนุษย์ ลดความเสี่ยงในการมองพลาดความผิดปกติที่สำคัญ และช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น

ปัจจุบันอินสเป็คทรา ซีเอ็กซ์อาร์ ได้รับการบรรจุอยู่ในสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ในโรงพยาบาลรัฐจำนวน 167 แห่งในปี 2568 เพื่อช่วยให้แพทย์ในพื้นที่สามารถอ่านภาพเอกซเรย์เบื้องต้นได้แม่นยำขึ้น ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลจึงมีโอกาสเข้าถึงการวินิจฉัยที่รวดเร็วและมีคุณภาพในระดับใกล้เคียงกับผู้ป่วยในเมืองใหญ่ และทำให้การรักษาสามารถเริ่มต้นได้เร็วขึ้น ซึ่งในบางกรณีอาจหมายถึงการรักษาชีวิตไว้ได้ทันเวลา

โรงพยาบาลพญาไท 1

การตรวจพบเร็ว รักษาเร็ว ด้วยเทคโนโลยีก้าวหน้า: ทางออกสู่การหายขาดสูงถึง 90%

รศ. นพ. ศิระ เลาหทัย ศัลยแพทย์ทรวงอก ผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดส่องกล้องปอดและต่อมไทมัส โรงพยาบาลพญาไท 1 กล่าวในหัวข้อ “ประสิทธิภาพการรักษามะเร็งปอดด้วยการผ่าตัด” โดยเน้นย้ำถึงบทบาทของเทคโนโลยีการผ่าตัดส่องกล้องว่า “หากเราตรวจพบความผิดปกติในระยะเริ่มต้นได้เร็ว ด้วยการวินิจฉัยที่แม่นยำอย่าง AI และ LDCT ทำให้มีทางเลือกในการรักษาที่มีประสิทธิภาพ เช่น การผ่าตัดส่องกล้องแบบบาดเจ็บน้อย (MIS – Minimally Invasive Surgery) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าและมีบทบาทสำคัญในปัจจุบัน ศัลยแพทย์สามารถตัดก้อนมะเร็งออกไปได้อย่างสมบูรณ์ผ่านแผลขนาดเล็กเพียง 2-3 จุด ซึ่งจะช่วยลดความเจ็บปวดหลังการผ่าตัดได้มาก ลดการเสียเลือด และช่วยให้ปอดกลับมาทำงานได้เร็วขึ้น ทำให้ผู้ป่วยมีความบอบช้ำน้อย ฟื้นตัวเร็วขึ้น ที่สำคัญ อัตราการหายขาดจากโรคมะเร็งปอดระยะแรกหลังจากการผ่าตัดสูงถึง 90% ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่มีความพึงพอใจสูง สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่การรักษาโรคเท่านั้น แต่หัวใจสำคัญคือ การทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน”

โรงพยาบาลพญาไท 1

การเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยมะเร็งปอดถือเป็นวาระเร่งด่วนที่ต้องให้ความสำคัญ โรงพยาบาลพญาไท 1 จึงขอแนะนำให้ ประชาชนทุกช่วงอายุมาตรวจคัดกรองมะเร็งปอดด้วยการเอกซเรย์ปอด ซึ่งมีค่าใช้จ่ายไม่สูง และเป็นพื้นฐานในการค้นหาความผิดปกติ หรือหากเข้าข่ายเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจคัดกรองเชิงลึกด้วย Low-dose CT Scan (LDCT) ได้ทันที เนื่องจาก หากตรวจพบเร็วตั้งแต่เนิ่นๆ ผู้ป่วยมีโอกาสรักษาหายได้สูงถึง 90% และยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาเมื่อเทียบกับการตรวจพบในระยะลุกลาม การวินิจฉัยที่เร็วขึ้นด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์จึงมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยน “ภัยเงียบ” ให้เป็นโอกาสใหม่แห่งการมีคุณภาพชีวิตที่ดีและยั่งยืนสำหรับประชาชนทุกคน

Leave a Reply