อนุพร อรุณรัตน์ ผู้สมัครนายกสภาทนายความ หมายเลข 4 พร้อมคณะ หมายเลข 1-22 ชู 18 นโยบายเชิงรุก ยกระดับวิชาชีพทนายความ ย้ำวิสัยทัศน์ “ประเทศจะพัฒนา เมื่อประชาชนเข้าถึงกฎหมาย” พร้อมต่อยอด “ทนายความอาสา” เน้นย้ำ ความยุติธรรมที่ประชาชนเข้าถึงได้

สภาทนายความ

“เมื่อประชาชนเข้าถึงกฎหมาย รู้จักสิทธิ หน้าที่ และความเสมอภาค ประเทศจะพัฒนามากขึ้น”

เปิดมุมมอง อนุพร อรุณรัตน์ ผู้สมัครนายกสภาทนายความ หมายเลข 4 กับการเดินทางกว่า 45 ปี แห่งความศรัทธาในวิชาชีพทนายความ ประกาศความพร้อม 18 นโยบายขับเคลื่อนสภาทนายความ เพื่อประชาชน เพื่อองค์กร และประเทศชาติ ปูทางอนาคตของสภาทนายความ ให้เป็นไปตามหลักสากล เพราะกฎหมายแท้ที่จริง ไม่ใช่แค่ตัวบทกฎหมาย แต่คือความจริงของสังคม วิสัยทัศน์การทำให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิ หน้าที่ มีความเสมอภาค ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างโอกาส ให้ได้สัมผัส “นิติธรรมที่มีอยู่จริง” หากประชาชนเข้าถึงตัวแทนและที่ปรึกษาทางกฎหมายได้แล้วนั้น ประเทศก็จะยิ่งพัฒนามากขึ้น และพร้อมสานต่อ “นิติทัศนะ” ในระบบกฎหมายหรือนักกฎหมายภายในองค์กร ต่อยอดโครงการว่าที่ร้อยตรีดร. ถวัลย์ รุยาพร นายกสภาทนายความที่ทำไว้กว่า 5 ปี สู่การผลักดันสานเสริมสร้างอีก 18 นโยบายหลัก

1. คัดค้านการเปิดเสรีทนายความและที่ปรึกษากฎหมายต่างด้าว คัดค้านแนวทางสภานิติศึกษาแห่งชาติ ที่กระทบต่อวิชาชีพทนายความ
2. ทนายความต้องเป็นที่ยอมรับของสังคมและในกระบวนการยุติธรรมมากขึ้น
3. ผลักดันให้ขยายพื้นที่โครงการทนายความอาสาประจำสถานีตำรวจให้เพิ่มขึ้น และให้มีสวัสดิการมากขึ้น
4. กระจายอำนาจหน้าที่แก่สภาทนายความจังหวัด และเพิ่มค่าดำเนินงานให้มากขึ้น
5. กำหนดหลักสูตรทนายความ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อเพิ่มศักยภาพวิชาชีพทนายความ
6. พัฒนาความรู้ทางกฎหมายใหม่แก่ทนายความให้ทันสมัยและทันต่อสถานการณ์
7. จัดสร้างที่ทำการสภาทนายความจังหวัดอย่างต่อเนื่อง
8. สร้างเสริมรายได้แก่ทนายความให้มีความมั่นคงในวิชาชีพ
9. พัฒนาหลักสูตรอบรมวิชาว่าความ และการทดสอบเพื่อให้รับใบอนุญาตเป็นทนายความที่มีมาตรฐานมากขึ้น
10. จัดตั้งสถาบันอบรมภาษาต่างประเทศ และอบรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
11. เพิ่มการประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ และประกันชีวิตให้แก่ทนายความโดยการประกันภัยแบบกลุ่ม
12. ผลักดันจ่ายเงินรางวัลแก่ทนายความที่ศาลแต่งตั้งให้มากขึ้น
13. สนับสนุน “วิทยาลัยทนายความ” เพื่อพัฒนาบุคลากรในวิชาชีพทนายความ
14. ผลักดันสวัสดิการอาวุธปืนและใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน เพื่อสวัสดิภาพความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของทนายความ
15. สนับสนุนการแข่งกีฬาของทนายความและครอบครัว เพื่อเสริมสร้างความสามัคคี
16. จัดยุทธศาสตร์ปฏิรูปวิชาชีพทนายความให้มีความรอบรู้คู่คุณธรรม
17. จัดให้มีกองทุนสวัสดิการเพื่อช่วยเหลือทนายความในทุกจังหวัด
18. จัดหาเทคโนโลยีที่เหมาะสม

สภาทนายความ

สภาทนายความ

นายอนุพร อรุณรัตน์ กล่าวว่า “ได้วางเป้าหมายทนายความยุคใหม่ต้องนำพากฎหมายตอบสนองผลประโยชน์ต่อความเป็นสุขของประชาชน ไม่เพิกเฉยต่อความไม่ยุติธรรม และดูแลแก้ไขความเดือดร้อนของทนายความ จากการได้รับผลกระทบจากปัญหาทางเศรษฐกิจ หรือปัญหาการดำรงชีพในด้านต่างๆ พร้อมนำพาทนายความทั่วประเทศขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายเดียวกัน เพื่อศักดิ์ศรี การทำงาน และสวัสดิการที่พึงได้ ทั้งกองทุน ประกันชีวิต การสร้างเสริมรายได้ ฯลฯ เป็นไปตามแนวทางนโยบายทั้ง 18 ข้อ อันเป็นยอดธงของการปกครอง”

มุ่งสานต่อโครงการ “ทนายความอาสา” โดยใช้ความรู้ความสามารถกลับคืนสู่สังคม ผลักดันโครงการทนายความอาสาประจำสถานีตำรวจให้ขยายผลสู่ระดับอำเภอ เขต ครอบคลุมทั่วถึงทุกพื้นที่ทั้งประเทศ โดยเฉพาะประชาชนในถิ่นทุรกันดารที่ขาดความรู้ความเข้าใจและการเข้าถึงกฎหมายให้มากขึ้น รวมทั้งการขยายขอบเขตการทำงานของทนายความไปสู่องค์กรต่างๆ ที่ขาดการดูแลอย่างทั่วถึง ทั้งภาครัฐ เอกชน มหาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชน ต่อยอดสู่โครงการ “ทนายความของแผ่นดิน” เพื่อเป็นตัวแทนเข้าไปดูแลผลประโยชน์ภาคสาธารณะ

สภาทนายความสภาทนายความ

พร้อมนำพาสภาทนายความก้าวเข้าสู่รูปแบบ Digital Platform ทั้งการพัฒนาแหล่งข้อมูล และฐานสืบค้น เพื่อสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบัน ให้ประชาชนได้เข้าถึงข้อมูลทางกฎหมายได้อย่างทั่วถึงทันท่วงที รวมทั้งเอื้อประโยชน์ให้กับบรรดาสมาชิกของสภาทนายความได้เข้ามาประสานงาน ให้ความช่วยเหลือ หรือแก้ไขข้อสงสัยต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยนายอนุพร ได้แง้มถึงไอเดียใหม่อย่าง Co-Working Space ชุมชนนักกฎหมาย การจัดพื้นที่ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายหรือผู้ที่สนใจ รวมทั้งประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสเข้าถึงการปรึกษา อันเกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายต่างๆ กับตัวแทนทางกฎหมายได้สะดวกรวดเร็ว รับรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก

ทั้งยังเล็งเห็นบทบาททนายความรุ่นใหม่ มีส่วนก่อเกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบใหม่ๆ ในอนาคต ในหลายๆ ด้าน ทั้งการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิตอล, การเปลี่ยนแปลงในการทำงานร่วมกัน, การเปลี่ยนแปลงทางการสื่อสาร, การเปลี่ยนแปลงในการร่วมมือซึ่งกัน, การเปลี่ยนแปลงในด้านทัศนะคติ บุคลิกภาพ และการเปลี่ยนแปลงในเชิงพาณิชย์ ซึ่งเราได้วางรากฐานให้มีการศึกษา อบรมความรู้ทางด้านกฎหมายเฉพาะด้าน เพื่อดึงศักยภาพที่มีออกมาใช้ได้ตรงกับความสามารถ พร้อมผนึกกำลังการทำงานร่วมกันระหว่างทนายความรุ่นใหญ่และทนายความรุ่นใหม่ ให้เกิดแรงขับเคลื่อนพัฒนาสภาทนายความยุคใหม่ต่อไป

สภาทนายความ

นายอนุพร ได้ฝากทิ้งท้ายถึงเพื่อนพ้องพี่น้องสมาชิกทนายความทั่วประเทศ “ตนเองเป็นผู้สมัครนายกสภาทนายความหมายเลข 4 พร้อมคณะผู้สมัครกรรมการสภาทนายความหมายเลข 1 ถึง 22 รวมทั้งหมด 23 คน เชื่อมั่นว่า 18 นโยบาย สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยพลังของทนายความทุกคน เราพร้อมแล้วที่จะเข้ามาดูแลและรับใช้บรรดาเพื่อนสมาชิกทนายความทั่วประเทศ ให้มีการพัฒนาความรู้ พัฒนาทักษะวิชาชีพ ตลอดจนดูแลสวัสดิการความเป็นอยู่ตามที่ทนายความพึงจะได้รับ ดำรงวิชาชีพได้อย่างสมเกียรติ โดยเน้นย้ำประเทศจะพัฒนายิ่งขึ้น เมื่อประชาชนเข้าถึงกฎหมายได้อย่างยุติธรรม ผ่านตัวแทนทางกฎหมายสภาทนายความ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค อันเป็นหัวใจหลักนิติธรรม เป้าหมายสำคัญสูงสุด” ของคณะอนุพร อรุณรัตน์

Leave a Reply