กรุงมาดริด กำลังได้รับความสนใจในฐานะเมืองท่องเที่ยวระดับโลก เป็นสถานที่ที่มีสิ่งน่าตื่นตาตื่นใจต่าง ๆ มากมาย ทั้งพระราชวังอันแสนสวยงาม สถาปัตนกรรมอันน่าทึ่ง พิพิธภัณฑ์และแกลเลอรี่ระดับโลก การเต้นระบำฟลาเมงโกที่ยอดเยี่ยม ประวัติศาสตร์อันยาวนาน ตลาดนัดแสนคึกคัก อาหารรสเลิศและความบันเทิงยามค่ำคืนที่ตระการตา หากคุณกำลังมองหาสิ่งเหล่านี้อยู่ มาดริดจะเป็นสถานที่ที่คุณจะตกหลุมรักอย่างแน่นอน
ถ้าคุณกำลังมองหาที่ท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดของปีนี้อยู่ ไม่ต้องไปไหนไกล เราจะพามาดู 10 เหตุผลที่ทำไมเมืองมาดริดถึงไม่ควรพลาด:
1. ศิลปะและพิพิธภัณฑ์
The Piazza San Marco in Venice, คศ. 1723 – 1724. ภาพวาดสีน้ำมันบนผืนผ้าใบ. 141.5 x 204.5 ซม., ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติ Thyssen-Bornemisza มาดริด
มาดริดเป็นดั่งศูนย์รวมของงานศิลปะ ประกอบไปด้วยพิพิธภัณฑ์ระดับโลกกว่า 3 แห่ง และพระราชวังหลวงอันแสนงดงาม (ที่ประทับของราชวงศ์สเปน) จึงนับได้ว่ามาดริดเป็นหนึ่งในศูนย์กลางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุโรป อีกทั้งภูมิทัศน์แห่งแสงที่ซึ่งประกอบด้วยถนน Paseo del Prado และสวนสาธารณะ El Retiro ยังได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกโดย UNESCO เมื่อกรกฎาคมปี 2021อีกด้วย
Paseo del Arte หรือที่หมายความว่าทางเดินแห่งศิลปะ มีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์ รวบรวมเอางานศิลปะที่ดีที่สุดในโลกเข้าไว้ด้วยกัน ในระยะทางเพียงหนึ่งกิโลเมตรคุณจะสามารถพบพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่ตลอดเส้นทาง ไม่ว่าจะพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติ Prado พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติ Thyssen Bornemisza และพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติ Reina Sofia นอกจากนี้ Paseo del Arte ยังเรียงรายไปด้วยสถาบันและอาคารอื่น ๆ มากมายที่ควรค่าแก่การเยี่ยมชม
หากคุณสามารถไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ได้เพียงแห่งเดียว เราขอแนะนำให้ไปที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติ Prado ที่มีอายุกว่า 200 ปี หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรป มีภาพวาดและประติมากรรมจากศิลปินระดับตำนานอย่าง El Greco, Rubens, และ Goya มีชื่อเสียงจากการจัดแสดงผลงานศิลปะที่เป็นที่รู้จักและพูดถึงมากที่สุดชิ้นหนึ่งของโลก: “Las Meninas” โดย Diego Velazquez ที่ซึ่งทั้งภายนอกและภายในของอาคารถูกออกแบบมาอย่างงดงามตระการตา ควรค่าแก่การเยี่ยมชมเป็นอย่างยิ่ง
หรือหากคุณต้องการเยี่ยมชมอะไรที่ไม่หวือหวามาก เราขอแนะนำให้คุณสวมรองเท้าคู่โปรด พร้อมเดินเที่ยวเขาวงกตถนนแคบ ๆ ของ Lavapies สถานที่ที่คุณจะสามารถผ่อนคลายปล่อยตัวปล่อยใจไปกับการท่องเที่ยวด้วยตัวเอง ชื่นชมสตรีทอาร์ตและจิตรกรรมฝาผนังที่น่าทึ่ง และอย่าลืมที่จะแวะชม “The Sombrerete Sundial” ภาพวาดหญิงสาวที่กำลังตากผ้าที่รายล้อมไปด้วยนาฬิกาแดด
2. ระบำฟลาเมงโก
ระบำฟลาเมงโกที่ Corral de la Morería ความน่าดึงดูดและความหลงใหลอย่างร้อนแรงของระบำปลาเมงโก สื่อความหมายด้วยท่วงท่าออกมาอย่างมีสเน่ห์ ทำให้ผู้ชมสามารถเข้าใจและเพลิดเพลินไปกับการแสดงได้ไม่ว่าจะมาจากที่ไหนหรือไม่ว่าจะเข้าใจภาษาหรือไม่
มาดริดเป็นต้นกำเนิดของระบำฟลาเมงโกและสถานที่แสดงบาร์ฟลาเมงโก (tablao) มีการแสดงให้เลือกชมอย่างหลากหลาย ตั้งแต่ระดับโรงละครไปจนถึงเต้นรำเล็ก ๆ ใน Tablaos มาดริดเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมฟลาเมงโกและเป็นจุดเริ่มต้นของศิลปินที่เดินทางไปรอบโลก ด้วยการเพิ่มขึ้นของสถานบันเทิงที่มีการแสดงดนตรีและร้องเพลงอย่าง คาเฟ่เซนเตง (cafés chantants) ในช่วงศตวรรษที่ 19 ทำให้ระบำฟลาเมงโกได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างล้นหลาม ทุกวันนี้ Tablaos ยังคงสืบทอดประเพณี โดยเปิดโอกาสให้ผู้คนได้เข้ามาชมระบำฟลาเมงโกที่ดีที่สุดในโลกทุกเย็น พร้อมเพลิดเพลินกับอาหารรสเลิศและเครื่องดื่มมากมาย
3. อาหารรสเลิศ
ตลาด Mercado San Antón Martin
มาดริดขึ้นชื่อเรื่องบรรยากาศอันน่าทึ่งที่ส่วนใหญ่แล้วจะรายล้อมไปรอบ ๆ โต๊ะอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานทาปาสที่ La Latina ชิม Calamares (แซนวิชปลาหมึก) ที่ Plaza Mayor อาหารจานด่วนที่เป็นที่นิยมและเป็นเอกลักษณ์ของคนในท้องถิ่น (Madrileños) หรือจะเป็นอาหารที่ถูกปรุงขึ้นอย่างสร้างสรรค์ตามร้านอาหารมิชลินสตาร์ การได้ลิ้มลองรสชาติของอาหารและเครื่องดื่มในมาดริดนั้นเป็นประสบการณ์ดี ๆ ที่หาที่ไหนเทียบไม่ได้
โดย MICHELIN Guide Spain 2024 ได้ประกาศออกมาแล้วว่า กรุงมาดริดนั้นได้รับมิชลินสตาร์เพิ่มเป็นทั้งหมด 28 ร้านอาหาร กับ 36 มิชลินสตาร์ ร้านอาหารระดับสามดาว DiverXO ของเชฟชื่อดังระดับโลก Dabiz Munoz ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นร้านอาหารที่ดีที่สุดอันดับ 3 ของร้านอาหาร 50 อันดับแรกของโลก ภายในของร้าน DiverXO ตกแต่งไปด้วยผีเสื้อมากมายและงานศิลปะหมูติดปีก หัวกะโหลกที่ทำผมทรงโมฮอว์ก และประสบการณ์การรับประทานทานอาหารที่สมบูรณ์แบบ สร้างสรรค์และเหนือความคาดหมาย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ห้ามพลาดเลยในมาดริด คือการเดินเล่นชอปปิ้งพร้อมกับชิมทาปาสไปด้วย โดยตลาดอาหาร Mercado de San Miguel เป็นผู้นำของเทรนด์นี้ตั้งแต่ 10 ปีก่อน ภายในตลาดถูกปรับปรุงตกแต่งใหม่จนกลายมาเป็นพื้นที่ที่เป็น 1 ในสถานที่ห้ามพลาด รวมไปถึงตลาดนัดอื่น ๆ และศูนย์อาหารเลิศรสที่มีให้เลือกเดินอีกมากมาย
และมาดริดยังเป็นที่รู้จักดีในเรื่องของขนมชูโรส (แป้งทอดเรียวยาว ที่ทำจากน้ำ แป้ง น้ำมันมะกอก เกลือ และโรยด้วยน้ำตาล) ที่มีให้เห็นทั่วทั้งสเปน ที่มาดริดนั้นคนนิยมรับประทานชูโรสในทุกช่วงเวลา ทั้งเป็นอาหารเช้า เป็นอาหารหลังจากปาร์ตี้ หรือเป็นอาหารว่างยามบ่าย ชูโรสหอม ๆ จุ่มชอคโกแลตร้อน ๆ เป็นขนมที่ทำให้ “ทุกเวลาเป็นช่วงเวลาที่ดี” นักท่องเที่ยวสามารถแวะชิมขนมนี้ได้ที่ร้าน Chocolatería San Ginés ที่เปิดทั้งวัน 24 ชั่วโมง
ร้าน ChocolaterÍa San Ginés
และมีเพียงแค่ในมาดริดเท่านั้นที่คุณจะสามารถรับประทานอาหารในร้านที่เก่าแก่ที่สุดในโลกได้ ร้าน Sobrino de Botín อัญมณีเก่าแก่ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1725 ซึ่งมีเมนูที่ควรลอง ได้แก่ roast suckling pig หมูหันสไตล์สเปนที่ดีที่สุดในโลก Cochinillo asado เมนูลูกหมูย่างเตาอบแบบพิเศษ และ cordero asado เนื้อแกะย่างที่นุ่มละลายในปาก พลาดไม่ได้กับเมนูสุดคลาสสิคอย่าง caracoles หอยทากสเปน
รูปภาพบนบาร์ที่ Mandarin Oriental Ritz
มาดริดเป็นเมืองที่ไม่มีวันหลับใหล ตั้งแต่การดื่มเครื่องดื่มสไตล์หรูหราสู่การเที่ยวกลางคืนและปาร์ตี้สุดมันส์ทั้งคืน ไม่ว่าจะแนวไหน มาดริดก็มีให้คุณหมดทุกแนว
เมื่อไม่นานมานี้ มาดริดได้มีรูฟทอปบาร์ใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมายเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ดื่มด่ำเริ่มต้นค่ำคืนแห่งการพักผ่อนไปกับภาพของวิวเมืองยามค่ำคืนจากมุมสูง ไม่ว่าจะ Riu Plaza Espana, Four Seasons, Palacio de los Duques, หรือ Picalargatos
4. เมืองและหมู่บ้านอันงดงาม
หมู่บ้าน Patones ในมาดริดเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม และเป็นสถานที่หลีกหนีจากความวุ่นวายในเมือง
มหานครมาดริดยังเป็นที่ตั้งของสามเหลี่ยมมรดกโลกของ UNESCO อย่างเมืองมรดกโลก Alcalá de Henares, พระราชฐาน San Lorenzo de El Escoria และ พระราชวังหลวง Aranjuez และเพียงแค่เดินทางออกมาไม่ถึง 30 นาทีจากตัวเมือง คุณก็จะพบกับชนบทที่สวยงามไม่แพ้กันของ หมู่บ้าน Patones, เมือง Chinchon และไร่องุ่นในเมือง San Martín de Valdeiglesias
San Martín de Valdeiglesias เป็นพื้นที่ทางตะวันตกสุดของภูมิภาคมาดริดและเป็นสถานที่ที่คนรักไวน์จะพลาดไม่ได้ โดยมีโรงบ่มไวน์กว่า 18 แห่งที่ได้รับการจดทะเบียนมาตรฐานสินค้า “Vinos de Madrid” (ยี่ห้อไวน์จากมาดริด) ไร่องุ่นของ San Martín de Valdeiglesias คิดเป็น 22% ของพื้นที่ไร่องุ่น (1,575 เฮกตาร์) โดยผลผลิตประจำปี 25% มาจาก 15% ของเหล่าผู้ผลิตไวน์ที่รับการลงทะเบียน
ที่มาดริดมีเส้นทางการท่องเที่ยวด้านไวน์กว่า 6 เส้นทางสำหรับผู้ชื่นชอบในการสำรวจและสัมผัสวัฒนธรรมไวน์ในท้องถิ่น เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีมาตรฐาน The Denominations of Origin ของสเปน (มาตรฐานรับรองว่าไวน์นั้น ๆ ได้ถูกผลิตขึ้นในพื้นที่เฉพาะที่ได้รับการรับรอง มีการผลิตอย่างเคร่งครัด) ครอบคลุมพื้นที่กว่า 70 เมือง โรงบ่มไวน์กว่า 51 แห่งที่มีการผลิตไวน์ชั้นเลิศกว่า 110 แบรนด์ มีการปลูกองุ่นหลากหลายพันธุ์ เช่น Malvar และ Albillo สำหรับทำไวน์ขาว และ Garnacha Tinta สำหรับไวน์แดง
5. ชอปปิ้ง ชอปปิ้ง และชอปปิ้ง!
ชอปปิ้งที่ร้าน Antigua Casa Crespo – รองเท้าชื่อดัง espadrilles ที่วางขายตั้งแต่ปี 1863
มาดริดยังเป็นบ้านเกิดของเหล่าแฟชั่นแบรนด์มากมาย ตั้งแต่ระดับสุดหรูหราไปจนถึงระดับแฟชั่นทั่วไป ตั้งแต่ Loewe, Balenciaga และ Manolo Blahnik ไปจนถึง Zara และ H&M ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้มาดริดเป็นหนึ่งในเมืองหลวงด้านแฟชั่นระดับนานาชาติที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง หรือถ้าคุณต้องการจะหลีกหนีจากแฟชั่นอันหรูหรา คุณก็สามารถเพลิดเพลินไปกับเสื้อผ้า สินค้าพื้นเมืองที่ผลิตอย่างมีคุณภาพระดับพิเศษ อีกทั้งยังราคาย่อมเยาเมื่อเทียบกับแบรนด์ต่างประเทศอื่น ๆ
ย่านสตูดิโองานศิลปะของมาดริด ประกอบไปด้วยบริษัททั้งขนาดเล็กและขนาดกลาง เช่น Tot-Hom และ Marcos Luengo ที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันในการสร้างสรรค์ผลงานที่สอดคล้องไปการให้คุณค่าใน ‘slow fashion’ แฟชั่นเพื่อความยั่งยืน และมุ่งเน้นไปยังการออกแบบที่อยู่เหนือกาลเวลา สนับสนุนแรงงานในท้องถิ่น มีการตัดเย็บที่ประณีต ตลอดจนถึงใช้วัสดุและผ้าที่มีคุณภาพ จริง ๆ แล้ว สเปนเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในยุโรปที่มีการอนุรักษณ์งานฝีมือจากผ้าพื้นเมือง ช่างฝีมือที่ส่งต่อความเชี่ยวชาญรุ่นสู่รุ่น
ในมาดริด จะมีแผ่นโลหะที่ระลึกตามทางเข้าของสถานประกอบการบางแห่งที่เขียนแสดงความขอบคุณไว้ว่า “สภาเมืองมาดริดรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่งสำหรับบริการที่ท่านมอบให้กับเมือง” เป็นสัญลักษณ์ของการยกย่อง ให้ความสำคัญกับสถานประกอบการที่มีอายุกว่า 100 ปี ที่ยังคงส่งมอบประเพณีและงานฝีมือที่มีคุณค่าตลอดมา ผ่านวันคืนเติบโตไปพร้อม ๆ กันกับมาดริด จนกลายเป็นดั่งความภาคภูมิใจและสัญลักษณ์ของมาดริด
มาดริดมีสถานประกอบการที่เป็นเอกลักษณ์มากกว่า 150 แห่ง หนึ่งในนั้นคือร้านของเก่า Antigua Casa Crespo ที่เปิดมาแล้วกว่า 5 ช่วงอายุคน และนอกเหนือไปจากประวัติศาสตร์อันยาวนานของร้านแล้ว ที่ Antigua Casa Crespo ยังมีการขายรองเท้า espadrille ที่ทำจากเชือก esparto จากสเปนแท้ ๆ แทนที่จะใช้เส้นใยปอจากแหล่งอื่น เป็นความทุ่มเทที่มีให้กับรองเท้าทำมือในประเทศที่ได้ให้บริการกับลูกค้ามากมายทั้งคนธรรมดาไปจนถึงคนใหญ่คนโต
มาดริดเป็นดั่งจุดหมายปลายทางที่สำคัญของนักท่องเที่ยว ในการค้นหา เพลิดเพลิน และสัมผัสประสบการณ์ด้านแฟชั่นของสเปน
6. สวน สวนสาธารณะ และธรรมชาติ
เส้นทางผ่านป่าบีชที่ปกคลุมไปด้วยใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วง ที่ Montejo de la Sierra สเปน
เมื่อพูดถึงเมืองใหญ่ ๆ อย่างมาดริด ความเขียวขจีอาจจะไม่ใช่สิ่งแรกที่คุณนึกถึง แต่เราขอบอกได้เลยว่าสวนสาธารณะในกรุงมาดริดนั้นเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของมาดริดเลยทีเดียว มาดริดเป็นสถานที่ที่เหมาะกับทุกคนไม่ว่าคุณจะรักธรรมชาติ หรือแค่ต้องการมองหาพื้นที่เพื่อผ่อนคลายเพื่อดื่มด่ำกับแสงแดดและวิวรอบ ๆ เมืองนี้มีหลากหลายพื้นที่ให้คุณได้ลองเยี่ยมชม
ถึงแม้สวนสาธารณะ El Retrio จะเป็นสวนสาธารณะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในมาดริด แต่ทุก ๆ ย่านของมาดริดเองก็มีสวนสาธารณะ จัตุรัส หรือพื้นที่ชุมชนเป็นตัวเองกันทั้งสิ้น สวนสาธารณะ El Retiro ครอบคลุมพื้นที่ 1.3 ตารางไมล์ในใจกลางกรุงมาดริด โดยบริเวณข้าง ๆ มีถนน Paseo del Prado ที่เชื่อมโยงศูนย์กลางของโลกศิลปะของสเปนเข้าด้วยกัน ทั้งพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติ Prado พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติ Thyssen Bornemisza และพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติ Reina Sofia
หากต้องการพื้นที่สีเขียวใจกลางเมือง คุณก็สามารถไปที่สวนสาธารณะ Casa de Campo และสวนสาธารณะ Madrid Río ได้ หรือจะเป็นอนุสาวรีย์และพื้นที่น่าสนใจอื่น ๆ ไม่ว่าจะ Jardín de Vivaces, Jardines de Cecilio Rodríguez ( สวนคลาสสิกที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Andalusian ) Jardines del Arquitecto Herrero Palacios, Cat Mountain ที่เพิ่งได้รับการบูรณะใหม่, สวนกุหลาบ Rosaleda และ Parterre Francés ที่มีต้นสนที่เชื่อกันว่าเก่าแก่ที่สุดในมาดริดที่มีอายุกว่า 400 ปี
อีกทั้งมาดริดยังเป็นที่ตั้งของพระราชฐาน San Lorenzo de El Escorial ที่ได้รับการจัดให้เป็นมรดกของโลกโดยองค์กร UNESCO (นับว่าเป็น 1 ใน 8 สิ่งมหัศจรรย์แปดประการของโลก เป็นสถานที่ที่ห้ามพลาดหากต้องการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของสเปน) เมืองเก่า Alcalá de Henares (เมืองแห่งมหาวิทยาลัย และบ้านเกิดของ Miguel de Cervantes อัจฉริยะวรรณกรรมโลกและผู้ประพันธ์ Don Quixote) พระราชวังหลวง Aranjuez (หนึ่งในที่ประทับอย่างเป็นทางการของราชวงศ์สเปน) และป่า Hayedo de Montejo ซึ่งทั้งหมดเป็นสถานที่ที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมชมอย่างที่สุด
7. ที่พักสุดหรู
หน้าโรงแรม Four Seasons มาดริด, ทางแยก Calle de Alcalá และ Calle de Sevilla
นอกเหนือจากสถาปัตยกรรมอันแสนงดงาม วัฒนธรรมอันล้นหลาม ผลงานศิลปะมากมาย และร้านอาหารแสนสวยแล้ว มาดริดยังมีโรงแรมชั้นเลิศอีกด้วย มีให้เลือกหลายหลายทั้งพระราชวังเก่าแก่ โรงแรมที่ราวกับหอศิลป์ หรือจะพักในที่พักง่าย ๆ ที่มีร้านอาหารมิชลินสตาร์ในตัว
หรือจะที่พักง่าย ๆ อย่างโฮสเทลใหม่ ๆ ไปจนถึงที่พักแบบอพาทเมนต์ในระแวกใกล้ ๆ มาดริดก็มีให้คุณเลือกมากมาย และยังมีมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย โดยเมื่อปี 2023 มาดริดมีห้องพักในโรงแรมหรูกว่า 2,700 ห้อง เพิ่มขึ้นมากว่า 50% จากเมื่อทศวรรษที่แล้ว อีกทั้งยังมีแผนการเพิ่มโรงแรมอีกกว่า 33 แห่งที่กว่าครึ่งจัดอยู่ในระดับ upscale
โรงแรมสุดหรู Four Seasons Hotel ได้เปิดให้บริการใกล้กับใจกลางย่านจัตุรัส Puerta del Sol ด้วยพื้นที่กว่า 1.500 ตารางเมตร พร้อมแหล่งชอปปิ้งแบรนด์เนมสุดหรูหรา เช่น Dior และ Hermes และนอกจากนี้บริเวณข้าง ๆ ที่ย่าน Retiro ยังมีโรงแรมระดับลักซ์ชูรี Mandarin Oriental Ritz ที่พึ่งได้รับการอัปเกรดมาจากแบรนด์ Ritz ตั้งอยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติ Prado อีกด้วย
8. กีฬาและกิจกรรมสันทนาการ
สนามกีฬา The Civitas Metropolitan Stadium – สนามเหย้าของ Atlético de Madrid
มาดริดเป็นสวรรค์ของคนรักกีฬาอย่างแท้จริง ตั้งแต่ทีมฟุตบอลระดับโลก สนามกีฬาที่มีชื่อเสียง ไปจนถึงสนามกอล์ฟสุดหรูหรา นักท่องเที่ยวที่มาเยือนมาดริดจะได้สัมผัสประสบการณ์ด้านกีฬาอันน่าทึ่งได้จากทั่วทุกมุมของเมืองอย่างแน่นอน
มาดริดเป็นเมืองเดียวในยุโรป (ไม่นับลอนดอน) ที่มีสโมสรฟุตบอลกว่า 4 สโมสรใหญ่ที่ผ่านการคัดเลือกในลีคในประเทศสเปน (“LaLiga”) มีฐานแฟนคลับล้นหลามทั่วโลกเป็นชุมชนที่เข้มแข็ง สนามกีฬา Santiago Bernabéu เป็นสนามกีฬาที่เป็นหัวใจหลักของมาดริดมอบโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้รับประสบการณ์ที่ลงตัวและบริการทัวร์พาเที่ยว
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการฝึกวงสวิง มาดริดเองก็มีสนามกอล์ฟอันแสนหรูหรากว่า 20 แห่ง ให้ได้เลือกสรรค์ และมีสนามกอล์ฟที่ได้รับการออกแบบโดยตำนานอย่าง Van Hagge, Rees Jones, Seve Ballesteros, José María Olazabal, Jack Nickalus, และ Manuel Piñero
9. ความสนุกสนานสำหรับครอบครัว
สวนสนุกในมาดริด
มาดริดเป็นสถานที่ที่เปิดรับครอบครัวทุกช่วงวัย ตั้งแต่สถานที่ท่องเที่ยวสบาย ๆ อย่างพิพิธภัณฑ์ไปจนถึงสวนสนุกอันน่าตื่นเต้น พื้นที่สีเขียวสบายตา และสนามฟุตบอลที่ครึกครื้น เป็นเมืองที่รวบรวมความต้องการของคนทุกช่วงวัยเอาไว้ด้วยกัน
นอกเหนือไปจากสวนสาธารณะต่าง ๆ ในตัวเมืองแล้ว ( ทั้ง Parque de Atracciones, สวนสัตว์ Faunia และอื่น ๆ ) บริเวณชานเมืองของมาดริดยังมีสวนสนุกสำหรับคนทุกวัยอีกด้วย
ในเมือง San Martin de la Vega ใกล้ ๆ จะมีสวนสนุกและสวนน้ำ Parque Warner ชื่อดัง พร้อมด้วยเครื่องเล่นมากมายและการแสดงต่าง ๆ จากตัวละคร Looney Tunes และฮีโร่อย่าง Batman และ Superman รวมไปถึงตัวละครต่าง ๆ จาก Police Academy อีกด้วย
10. เหมือนได้เป็นหนึ่งเดียวกับคนท้องถิ่น
สำรวจเมืองโบราณ Buitrago de Lozoya Old Town เพลิดเพลินกับไลฟ์สไตล์แบบคนท้องถิ่น
มาดริดเป็นสถานที่ที่หาคำพูดมาอธิบายได้ยาก เป็นสถานที่ที่ดึงดูดคุณเข้ามา และต้อนรับคุณในแบบที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน ชาวเมืองมาดริดมีความอบอุ่น เป็นมิตร และกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ ๆ ของคนต่างชาติ และนักท่องเที่ยว เป็นสถานที่ตั้งของชุมชนชาวต่างชาติที่ใหญ่ที่สุดในสเปน สร้างบรรยากาศที่เป็นการหลอมรวมความหลากหลายพื้นเพและวัฒนธรรมเข้าไว้ด้วยกัน โอบรับทุกวัฒนธรรมและเชื้อชาติด้วยความอบอุ่น มีแค่ที่มาดริดเท่านั้นที่นักท่องเที่ยวจะสามารถรู้สึกราวกับเป็นคนในท้องถิ่นได้
มาดริดเป็นสถานที่ที่ห้ามพลาด
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่จะได้เห็น ได้ทำ และได้ชิมในกรุงมาดริด สามารถหาข้อมูลได้จาก:
https://www.turismomadrid.es/en/, https://www.esmadrid.com/en
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MADRID TURISMO by IFEMA Madrid สามารถหาได้ที่: https://www.ifema.es/nosotros/madrid-turismo-by-ifema-madrid