สำหรับไลฟ์สไตล์ที่ต้องการความคล่องตัวสูงอย่างในยุค Digital Transformation แค่สมาร์ทโฟนอาจไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตประจำวันที่แอคทีฟ อย่างการออกกำลังกาย การเดินทาง หรือการทำงานแบบไม่อยู่กับที่ เพราะบางครั้งสถานการณ์ก็ไม่เอื้ออำนวยให้พกสมาร์ทโฟนติดตัวตลอดเวลา บริษัทไอทีต่างๆ จึงพัฒนาสมาร์ทวอทช์ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ไม่หยุดนิ่ง จากเดิมที่ต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านสัญญาณบลูทูธ ปัจจุบันสมาร์ทวอทช์สามารถรองรับระบบ eSIM ที่ทำให้สมาร์ทวอทช์ทำงานได้อย่างอิสระ โดยแทบไม่ต้องพกสมาร์ทโฟนติดตัวอีกต่อไป มาลองดู 4 ความสมาร์ทที่เราสามารถสัมผัสได้ เมื่อใช้สมาร์ทวอทช์ที่รองรับ eSIM กัน
สมาร์ทเลเวล 1: รับสาย โทรออก บันทึกเสียงทันใจ หมดกังวลเรื่องหยิบสมาร์ทโฟนไม่ทัน
บางวันที่งานยุ่งจนไม่ได้มองสมาร์ทโฟน วางสมาร์ทโฟนไว้ห่างตัว ใส่ไว้ในกระเป๋าระหว่างขับรถ หรือแม้แต่ขณะออกกำลังกาย อาจทำให้พลาดสายสำคัญ แต่ถ้าสวมใส่สมาร์ทวอทช์ที่มี eSIM ทุกสายเรียกเข้าก็จะปรากฏบนข้อมือ เพราะเมื่อเชื่อมต่อสมาร์ทวอทช์เข้ากับสมาร์ทโฟนแล้ว พอมีคนโทรเข้า ระบบ eSIM ที่เชื่อมต่อข้อมูลเครือข่ายเดียวกันกับสมาร์ทโฟน ก็จะแจ้งเตือนที่สมาร์ทวอทช์ทันที โดยกดรับสายได้ง่ายๆ บนหน้าปัดนาฬิกา ส่วนการโทรออกก็สามารถเปิดเมนู Contact และกดโทรออกได้จากสมาร์ทวอทช์โดยตรง
ความทันใจไม่ต้องพึ่งพาสมาร์ทโฟนไม่ใช่แค่การโทรเข้าออกเท่านั้น สมาร์ทวอทช์ใหม่ๆ ในปัจจุบันอย่าง HUAWEI WATCH 3 Series ที่รองรับระบบ eSIM1 ยังสามารถกดบันทึกเสียงได้จากแอปฯ Note บนนาฬิกาเลยด้วย แก้ปัญหาการจดไม่ทัน
ไม่ว่าจะเข้าประชุม ฟังเล็กเชอร์ หรือสัมภาษณ์ใครสักคน ก็กดอัดเสียงได้ทันใจจากบนข้อมือ
สมาร์ทเลเวล 2: ขอความช่วยเหลือยามคับขัน ส่ง SMS หรือโทรออกเบอร์ฉุกเฉินได้
เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าอุบัติเหตุหรืออาการป่วยกะทันหันจะเกิดขึ้นได้เมื่อไร โดยเฉพาะผู้สูงอายุหรือผู้ที่อาศัยอยู่ตามลำพัง หากเกิดอะไรขึ้นโดยที่สมาร์ทโฟนไม่ได้อยู่ใกล้ตัวก็อาจเป็นเรื่องใหญ่ได้ สมาร์ทวอทช์ที่มีระบบ eSIM ได้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาในส่วนนี้ โดยจะทำให้เราสามารถส่งสัญญาณเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น เมื่อหกล้ม สมาร์ทวอทช์จะส่ง SMS ไปยังหมายเลขผู้ติดต่อฉุกเฉินที่เราตั้งค่าเอาไว้ได้
สมาร์ทวอทช์แบรนด์ต่างๆ ก็จะมีการตั้งค่าขอความช่วยเหลือฉุกเฉินต่างกัน เช่น HUAWEI WATCH 3 Series ล่าสุด ได้รับการพัฒนาให้ส่ง SMS ขอความช่วยเหลือไปที่หมายเลขโทรศัพท์ผู้ติดต่อฉุกเฉินที่ตั้งค่าไว้ใน HUAWEI AppGallery ได้เมื่อตรวจจับได้ว่าเกิดเหตุฉุกเฉิน2 โดยที่ค่า default จะตั้งไว้เป็นสายด่วน 191 หรือหากต้องการความช่วยเหลือในสถานการณ์อื่น การกดปุ่มบนขวา 5 ครั้งติดกันก็จะสามารถส่ง SMS หรือโทรออกไปยังหมายเลขดังกล่าวได้เช่นกัน โดยล่าสุดการที่หัวเว่ยได้จับมือกับแอปพลิเคชัน Releep* จะทำให้นาฬิกาสามารถส่งตำแหน่งที่เกิดเหตุไปที่แอปฯ เดียวกันทางฝั่งผู้รับ เพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือได้ทันเวลา นอกจากนี้ Releep ยังสามารถช่วยวัดค่าต่างๆ ของร่างกาย ประมวลผลสุขภาพ รวมถึงช่วยแจ้งเตือนให้รับประทานยาได้อีกด้วย (*แอปพลิเคชันนี้เตรียมเปิดให้บริการเร็วๆ นี้ โปรดตรวจสอบจุดประชาสัมพันธ์ ณ ช่องทางจำหน่ายที่ร่วมรายการ)
สมาร์ทเลเวล 3: ฟังเพลงโปรดได้โดยตรงจากบนข้อมือ
ทุกกิจกรรมต้องการเสียงเพลงประกอบ จะทำความสะอาดบ้าน ทำอาหาร ออกกำลังกาย หรือทำสิ่งอื่นๆ ที่ต้องใช้สมาธิ หลายคนมักเปิดเพลย์ลิสต์ที่ช่วยให้ผ่อนคลายและโฟกัสได้มากขึ้น ซึ่งถ้าจู่ๆ เพลงคลาสสิกสุดโปรด กลายเป็นเพลงแดนซ์ขึ้นมาสมาธิก็อาจหลุดได้ แต่ขณะเดียวกันก็มือไม่ว่างพอที่จะกดเปลี่ยนเพลง กรณีแบบนี้สมาร์ทวอทช์ที่มี eSIM อย่าง HUAWEI WATCH 3 Series สามารถเล่นเพลงจากแอปพลิเคชันบนนาฬิกาได้โดยตรง ไม่ว่าจะผ่านแอปพลิเคชัน HUAWEI Music ที่ติดตั้งมาให้เสร็จสรรพ พร้อมเพลงจากค่าย GMM Grammy รวมเพลงกว่า 20,000 เพลง หรือแอปพลิเคชัน Coolism คลื่นวิทยุของ COOLfahrenheit สถานีเพลงไทยสากลยอดฮิต ซึ่งล้วนสามารถเลือกฟังได้อย่างอิสระจากสมาร์ทวอทช์โดยตรง ไม่ต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเลยก็ยังได้
สมาร์ทยิ่งขึ้นอีกระดับหากขึ้นจับคู่กับหูฟังไร้สายที่ทำให้การฟังเพลงทั้งสุนทรีย์และคล่องตัวสุดๆ เหมาะกับตอนออกกำลังกายหรือเดินเล่นพักผ่อนอิริยาบถ โดยรุ่นที่เปิดตัวล่าสุดก็คือ HUAWEI FreeBuds 4 ซึ่งฟังเพลงได้คุณภาพสียงระดับ Hi-Res ที่ 40 kHz อีกทั้งสามารถควบคุมเพลงและการคุยสายได้ด้วยการเคาะที่ก้านหูฟังเบาๆ หรือจะควบคุมผ่านการแตะหน้าปัดสมาร์ทวอทช์ก็เลือกได้ตามถนัด
สมาร์ทเลเวล 4: จัดการชีวิตได้ง่าย ด้วยแอปฯ ที่โหลดได้เลยบนนาฬิกา
สิ่งที่ทำให้สมาร์ทดีไวซ์มอบความสะดวกสบายสูงสุดให้กับผู้บริโภคได้คือแอปพลิเคชัน ทุกวันนี้นักพัฒนาไม่ได้สร้างแอปฯ ขึ้นมาให้มีอินเตอร์เฟซเหมาะกับแค่สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตอีกต่อไป เพราะยังมีแอปฯ ที่สามารถดาวน์โหลดและใช้ได้บนสมาร์ทวอทช์โดยเฉพาะแล้ว ด้วยฟังก์ชันที่จะสร้างความสะดวกสบายกับการใช้งานบนข้อมือได้มากขึ้น เช่น การฟังเพลง การเดินทาง และการใช้ชีวิตประจำวันทั่วไป โดยแอปฯ ที่น่าสนใจ ได้แก่
- Thai Airways*: แอปฯ ของสายการบินไทย สำหรับคนเดินทางที่ต้องการความคล่องตัว สามารถตรวจสอบข้อมูลเที่ยวบิน ระยะเวลาการเดินทาง และสแกนตั๋วเครื่องบินโดยปราศจากการสัมผัสได้ (*แอปพลิเคชันนี้เตรียมเปิดให้บริการเร็วๆ นี้ โปรดตรวจสอบจุดประชาสัมพันธ์ ณ ช่องทางจำหน่ายที่ร่วมรายการ)
- Thai Fast Dict: แอปฯ ทบทวนคำศัพท์ภาษาอังกฤษ สำหรับคนรักการเรียนรู้ หรือนักเรียนนักศึกษาที่เตรียมสอบ เพราะแอปฯ จะช่วยทบทวนคำศัพท์ระหว่างวัน และแนะนำคำศัพท์ใหม่ๆ ให้กับผู้ใช้ได้
ล่าสุดสมาร์ทวอทช์สุดหรู HUAWEI WATCH 3 Series ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ของหัวเว่ยเองก็มีทั้งแอปพลิเคชันที่แนะนำไปข้างต้น ซึ่งพัฒนาขึ้นมาเพื่อสมาร์ทวอทช์โดยเฉพาะ สามารถดาวน์โหลดและจัดการแอปพลิเคชันได้โดยตรงบน
สมาร์ทวอทช์เพราะมี HUAWEI AppGallery ติดตั้งมาให้ในตัว
แถม Tips เล็กๆ กับลูกเล่นของสมาร์ทวอทช์ หน้าปัด DIY เปลี่ยนได้ตามใจตามอารมณ์
แน่นอนว่าถ้าใช้นาฬิกาดิจิทัลหรือหน้าปัดเข็มทั่วไป เราไม่สามารถกำหนดหน้าปัดตามสไตล์ของเราเองได้ แต่ถ้าเป็นสมาร์ทวอทช์ เราสามารถเลือกหน้าปัดได้เองได้เหมือนกับการตั้งจอ Wallpaper บนสมาร์ทโฟน โดยเมื่อเข้าไปในแอปพลิเคชันสำหรับสมาร์ทวอทช์นั้นๆ ที่ติดตั้งบนสมาร์ทโฟนของเรา ก็จะสามารถเลือกหน้าปัดทั้งแบบฟรีและแบบซื้อ สำหรับ HUAWEI WATCH 3 Series มีแบบหน้าปัดให้เลือกถึงกว่า 30 แบบ บนแอปฯ HUAWEI Health สามารถเข้าดูหน้าปัดที่ Watch Face แล้วเลือก More โปรแกรมจะแสดงหน้าปัดแบบต่างๆ ให้เลือก รวมไปถึงการตั้งรูปหน้าจอแบบ DIY โดยใช้ภาพถ่าย หรือภาพดีไซน์เก๋ๆ ที่เซฟมาจากอินเทอร์เน็ต
ข้อดีของสมาร์ทวอทช์ในปัจจุบันที่คนมักคิดไม่ถึง คือสามารถตั้งหน้าปัดทิ้งไว้ได้หลายแบบ เพียงสไลด์ซ้ายขวาก็เปลี่ยนหน้าปัดที่เลือกไว้ตามกาลเทศะได้เลย จะใช้แบบเข็มเวลาไปทำงาน แบบตัวเลขเวลาต้องการความสะดวก หรือจะเป็นรูปคนที่รัก ไอดอลที่กรี๊ด ก็ได้เช่นกัน
ถ้าหากสนใจอัปเกรดชีวิตประจำวันให้สมาร์ทแบบครบทุกข้อ ด้วยสมาร์ทวอทช์ที่รองรับ eSIM สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ เพราะการมี eSIM คือมาตรฐานใหม่ของสมาร์ทวอทช์ไปแล้ว และหากสนใจสมาร์ทวอทช์รุ่นล่าสุดของหัวเว่ย สามารถเลือกสเปกและแบบที่ถูกใจได้ที่ HUAWEI Online Store แต่ต้องเร็ว! เพราะโปรโมชันพรีออเดอร์พร้อมของสมนาคุณสุดคุ้มของทั้งHUAWEI WATCH 3 Series และHUAWEI FreeBuds 4 เริ่มแล้วตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2564 ถึง 22 กรกฎาคม 2564 หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรโมชันได้ที่นี่
……………………………………………………
1 โปรดครวจสอบเครือข่ายผู้ให้บริการที่จุดประชาสัมพันธ์ ณ ร้านค้า HUAWEI Experience Stores และตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ (สำหรับเครือข่าย TrueMove H พร้อมให้บริการตั้งแต่กรกฏาคม 2564 สำหรับเครือข่าย AIS พร้อมให้บริการตั้งแต่สิงหาคม 2564)
2 ฟีเจอร์นี้จะไม่ได้ถูกตั้งค่าใช้งานตั้งแต่เริ่มใช้งาน และต้องทำการตั้งค่าใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน HUAWEI Health เท่านั้น