“บริษัท เมดิเซเลส จำกัด” เป็นกิจการร่วมทุนระหว่างบริษัท เซเลส (ประเทศไทย) จำกัด และ เมดิท็อกซ์ อิงค์ ผู้ผลิตยาโบทูไลนุ่ม ท็อกซิน มาตรฐานสูงอันดับหนึ่งจากประเทศเกาหลี อีกทั้งยังเป็นผู้นำเข้าและเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายที่ถูกต้องแต่เพียงผู้เดียวของบริษัท เมดิเซเลส จำกัด เปิดตัวนำเข้าผลิตภัณฑ์สารเติมเต็มบริสุทธิ์(ฟิลเลอร์) ใหม่ล่าสุด 2 ซีรีส์ ภายใต้ชื่อ นิวรามิส (Neuramis) ได้แก่ Neuramis DEEP Lidocaine และ Neuramis VOLUME Lidocaine เขย่าตลาดความงามด้วยแพทย์ ที่มีอัตราเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายสุรวุฒิ วูวงศ์ ผู้บริหารสูงสุด, นางวิภารัตน์ วูวงศ์ ประธานบริหารสูงสุด และ นางสาวอารียา วูวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เมดิเซเลส จำกัด ร่วมแถลงและขึ้นให้รายละเอียด ณ ห้องฉัตรา โรงแรม สยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ
นายสุรวุฒิ วูวงศ์ ผู้บริหารสูงสุด บริษัท เมดิเซเลส จำกัด เปิดเผยว่า “เมดิเซเลส เราเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท เซเลส กับบริษัท Medytox จากประเทศเกาหลี (ในสัดส่วน 60/40) ประกอบธุรกิจประเภทการตลาด กระจายส่งสินค้าทางเภสัชกรรมและเครื่องมือแพทย์ โดยมีสินค้าคือ นิวรามิส (Neuramis) ซึ่งเป็นเครื่องมือแพทย์ประเภท ๔ หรือเรียกกันว่า ฟิลเลอร์ (Filler) ที่มีคุณภาพ ได้รับมาตรฐานและเลขทะเบียนจากองค์การอาหารและยา ประเทศไทย และประเทศต้นกำเนิดคือประเทศเกาหลี ในส่วนของเมดิทอกซ์เป็นผู้นำตลาดยาชีววัตถุ ที่รู้จักกันมานาน ในชื่อยา นิวโรนอกซ์ (Neuronox) ปัจจุปัน เมดิทอกซ์ได้พัฒนายาชีววัตถุในรุ่นใหม่ เพื่อตอบสนองตลาดที่ต้องการยาที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น”
อุตสาหกรรมความงามด้วยแพทย์ ถือเป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตสูงสุดติดอันดับของอุตสาหกรรมดาวรุ่ง และเชื่อว่าจะคงเติบโตอย่างต่อเนื่องขึ้นทุกๆปี เนื่องจากคนไทยให้ความสำคัญกับการดูแลความสวยความงามของตัวเองมากขึ้น โดยภาพรวมตลาดความงามด้วยแพทย์ของไทยในขณะนี้ กลุ่มที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น ในหลายปีที่ผ่านมา คือ กลุ่มฟิลเลอร์ โดยในปัจจุบันตลาด ฟิลเลอร์ มีอัตราเติบโตกว่ากลุ่มท็อกซินมากกว่าถึงสองเท่า ส่วนตลาดการชะลอวัยยังคงมีอัตราการเติบโตปกติ
ปัจจุบัน เมดิเซเลส มีสินค้าหลักคือฟิลเลอร์ นิวรามิส 3 ตัว เพื่อให้แพทย์เลือกใช้ สำหรับการปรับรูปหน้า เสริมเติมร่องลึกของใบหน้าที่เกิดเนื่องจากวัย สำหรับนิวโรนอกซ์ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการขึ้นทะเบียนใหม่ และประเมินเอกสารชุดใหม่ที่ทันสมัย โดยกลุ่มฟิลเลอร์ ในปี 2018 มี อัตราการเติบโตเฉลี่ย(CAGR) ประมาณ 15-20% และอัตราการเติบโตธุรกิจเฉพาะในปี 2021 เปรียบเทียบปี 2020 อยู่ที่ +30% สำหรับในปี 2022 นี้ มีแพลนที่จะเติบโตเป็นอัตรา +100%”
โดยในปีนี้ ทางบริษัทจะยังมุ่งทำการตลาดทั้งในส่วน ออฟไลน์ ที่เข้าถึงแพทย์ได้มากขึ้น และ จะเน้นการทำออนไลน์ เพิ่มเพื่อโฟกัสการเข้าถึงให้ได้ง่ายขึ้น โดย
1. ให้ความรู้วิชาการแก่แพทย์ผ่านการบรรยายออนไลน์ เช่นการจัด Webinar และยังคงมีการให้ความรู้เชิงปฏิบัติการ Hands on โดยมีการนำเครื่องมือที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่นเทคโนโลยีทำภาพ 3 มิติด้วยเครื่อง Morpheus ที่ในประเทศไทยมีใช้เฉพาะในโรงเรียนแพทย์ เข้ามาร่วมเพื่อสร้างภาพให้เกิดความเข้าใจในผลลัพธ์สุดท้ายของการรักษา
2. Focus ฐานลูกค้าเดิม เนื่องจากคุ้นเคยกับตัวสินค้าเป็นอย่างดี โดยเน้นให้สิทธิพิเศษเพิ่มขึ้น ในส่วนทีมขายเน้น Maintain Relationship กับลูกค้าและสร้างฐานลูกค้าใหม่ เช่นการศัลยกรรมที่ใช้ประโยชน์จาก ฟิลเลอร์ได้กว้างขึ้น
3. ใช้ Social Media มากขึ้นสำหรับการสร้างการรับรู้ในตราสินค้า (อันดับ 2 ในประเทศไทยจากการสำรวจ) และส่งเสริม ความเข้าใจเชิงลึกผ่านทาง Facebook, Line open chat, Line official เป็นต้น
ล่าสุดกับการเปิดตัว นิวรามิส 2 ซีรีส์ใหม่ ได้แก่ Neuramis DEEP Lidocaine และ Neuramis VOLUME Lidocaine นายสุรวุฒิ กล่าวว่า “เพื่อให้มีตัวเลือกใช้มากขึ้น, แพทย์ หรือ เพิ่มฐานลูกค้าเช่น จากเดิมที่ใช้บางบริเวณ เช่น ร่องแก้ม ขมับ ด้วยทั้ง2ตัวใหม่ สามารถสร้างรูปหน้าที่เหมาะกับวัยตามหลัก Golden Ratio หรือ โหงวเฮ้ง เพิ่มปริมาณได้ตามต้องการ จะตอบโจทย์ลูกค้าได้ตรงจุด เช่น การปรับรูปหน้า ความคงทนของฟิลเลอร์ที่เพิ่มขึ้น ลดอาการปวดจากการฉีดยาเนื่องจากมีส่วนผสมของยาชา ซึ่งเป็นจุดเด่นของนิวรามิสรุ่นใหม่ทั้ง 2 ซีรีส์ และเนื่องจากจดทะเบียนเป็นเครื่องมือแพทย์ กลุ่มเป้าหมายจึงยังคงเป็นกลุ่มแพทย์ทั่วไป, แพทย์เฉพาะทาง เช่น แพทย์ผิวหนัง, ศัลยแพทย์ตกแต่ง, ศัลยแพทย์ตกแต่งและเสริมสร้างใบหน้า, ทันตแพทย์, คลินิกเสริมความงาม นอกจากนี้จะมีการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆ ให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยปัจจุบันมีคลินิกความงามที่ใช้สินค้าของบริษัทฯกว่า 2,000 คลินิกทั่วประเทศ และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากโปรแกรมการตลาดที่ทำให้การใช้งานได้ในหลายบริเวณของร่างกาย จึงมีโอกาสอีกมากที่ธุรกิจของเราจะเติบโตขึ้นอีก”
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯตั้งเป้า ในการที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดฟิลเลอร์เกาหลี ในประเทศไทย ซึ่งฟิลเลอร์ทั้งสามตัวได้จดทะเบียนในยุโรปตามมาตรฐาน CE Mark และ EC Certificate ปัจจุบันสินค้าได้กระจายในหลายประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร, ตุรกี เป็นต้น อีกทั้งยังมุ่งหวังให้ นิวรามิสทั้ง2รุ่นใหม่ เหมาะกับลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้ง คลินิกเดี่ยว, Chain Clinic รวมถึงสถานพยาบาลเอกชน ที่จะช่วยให้แพทย์ทำหัตถการได้ละเอียด ในทุกบริเวณบนใบหน้า และด้วยความร่วมมือของ CET พันธมิตรด้านการกระจายสินค้าเข้าสู่กลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย โดยในปีนี้บริษัทฯยังมีแผนที่จะทำการตลาดสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับตลาดความงาม และสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพ เช่น Botulinum toxin รุ่นใหม่ที่มีจุดเด่นคือสามารถลดการแพ้จากโปรตีนที่มีในสินค้าจากสูตรเดิมที่จำหน่ายมาตั้งแต่ปี 2551 และยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่น่าสนใจอีกหลายชนิด และเนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมา มีการนำเข้าสินค้าอย่างผิดกฎหมาย การละเมิดเครื่องหมายการค้า และการปลอมแปลงผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ตัวยา จึงควรสังเกตจุดวิธีตรวจสอบดังนี้
• ใบ certificate ที่บริษัทฯ มอบให้คลินิกที่ผ่านการอบรมเพื่อ ยืนยันว่าคลินิกหรือสถานพยาบาลนั้น ได้ซื้อสินค้าจากเมดิเซเลส ซึ่งเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้า Neuramis ฟิลเลอร์อย่างถูกต้องตามกฎหมายแต่เพียงผู้เดียวในประทศไทย
• สแกน QR code บนกล่องบรรจุภัณฑ์ ซึ่งภายในจะแสดงข้อมูลผลิตภัณฑ์ทั้งรุ่นผลิต วันเดือนปีที่หมดอายุ และข้อความยืนยันว่าซื้อผ่าน เมดิเซเลส ที่เป็นผู้ได้รับอนุญาตนำเข้าและจัดหน่ายอย่างถูกต้องในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
• Security sticker บนกล่องบรรจุภัณฑ์ เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้รับบริการว่าเป็นสินค้าใหม่ ยังไม่ผ่านการเปิดใช้ และยังป้องกันการปลอมแปลงสินค้าโดยใช้กล่องเดิม
• บรรจุภัณฑ์ ต้องมีฉลากกำกับเครื่องมือแพทย์ภาษาไทย และเลขทะเบียนเครื่องมือแพทย์ ตามที่ อย.กำหนดไว้
ต่อข้อซักถามกรณีการถูกระงับการนำเข้า Neuronox ที่ผ่านมา นายสุรวุฒิ ชี้แจงว่า “สำหรับ Neuronox ซึ่งเป็น ท็อกซิน ที่ครองใจผู้ใช้เป็นเวลานาน จากการเผยแพร่จากสื่อต่างๆ เกี่ยวกับระงับการนำเข้าและเรียกคืนสินค้า โดยบริษัทได้แสดงความรับผิดชอบต่อลูกค้าโดยมีการเรียกคืนสินค้าทันทีมากกว่า 700 ราย ซึ่งคิดเป็นมูลค่าสินค้ากว่า 110 ล้านบาท สำเร็จภายใน 30 วันทำการ และสินค้าที่ถูกเรียกคืนดังกล่าวทางบริษัทได้เผาทำลาย เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำไปใช้ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีความสนใจที่จะนำ Neuronox กลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้ง เนื่องจากยังคงเชื่อมั่นในคุณภาพ และความปลอดภัยของสินค้า ซึ่งยืนยันได้จากผลการใช้งานกับผู้ป่วยในประเทศมากกว่า 5แสนคน ในช่วงปี 2551-2563 นอกจากนี้บริษัทยังมีการทำการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์ประสิทธิภาพและความปลอดภัยในคนไทย จำนวน 180 คนในสถาบันการแพทย์ ทั้งหมด 4 แห่ง งานวิจัยดังกล่าวเริ่มตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ในเดือน ตุลาคม 2564 ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่า Neuronox ได้รับการยอมรับในกลุ่มแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
นอกจากนี้ทางบริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมคืนกำไรสู่สังคม ด้วยโครงการการกุศลกับหน่วยแพทย์ที่ห่างไกลและขาดอุปกรณ์ โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทมีการทำกิจกรรม เชิงCSR ดังนี้
– ปี 2563 บริจาคตู้แช่เย็น จำนวน 25 ตู้ให้แก่จังหวัดสุโขทัย และโรงพยาบาลอำเภอในเขตเชียงใหม่ มูลค่ามากกว่า 5 แสนบาท โดยโรงพยาบาลดังกล่าวสามารถนำตู้แช่นี้ไปใช้เก็บรักษาวัคซีน, น้ำยาตรวจต่างๆ เป็นต้น
– ปี 2564 บริจาคชุดตรวจ ATK จำนวน 2,000 ชุด ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 3 แสนบาท ให้กับสมาคมเทควันโดประเทศไทย, สมาคมเทควันโดคนพิการ, โรงพยาบาลอำเภอ โรงพยาบาลนาน้อย เวียงสา จังหวัดน่าน
– สำหรับยานิวโรนอกซ์ หากบริษัทฯ ได้รับการอนุมัติทะเบียนยา บริษัทฯมีความตั้งใจจะช่วยให้ผู้ป่วยเด็กสมองพิการ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น เช่น วิ่งเล่นกับเพื่อนได้เป็นต้น โดยการบริจาคยา ให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบประสาท เวชศาสตร์ฟื้นฟูสำหรับการให้การรักษาเด็กสมองพิการ ผ่านองค์กรการกุศลหรือสถาบันการแพทย์ ด้านเด็กสมองพิการ เช่น รพ. ศรีสังวาลย์ ปทุมธานี, สถาบันราชนครินทร์ รพ. นครพิงค์ เชียงใหม่จำนวน 500 คน