นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดโครงการจับคู่ธุรกิจสินค้าผลไม้สด แปรรูป และผลิตภัณฑ์เกษตรอื่น ๆ เพื่อรองรับมาตรการกีดกันทางการค้า ซึ่งเป็นการทำงานเชิงรุกของทีมพาณิชย์หาตลาดล่วงหน้าให้สินค้าเกษตรไทย เชิญผู้ส่งออก-นำเข้ารายใหญ่จากทั่วโลกกว่า 19 ประเทศ เจรจาจับคู่ซื้อขายสินค้าล่วงหน้าก่อนผลผลิตออกให้ผลไม้ไทยราคาดีทั้งฤดูกาล และสร้างการรับรู้สินค้าเกษตรของไทย โดยภายในงานมีนายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้าร่วม ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ
นายภูมิธรรม กล่าวว่า โครงการนี้เริ่มจากผลผลิตสินค้าเกษตรที่มีจำนวนมากบางครั้งก็ล้นตลาด ซึ่งการผลิตผลไม้ได้มากไม่ใช่เรื่องไม่ดีปัญหาอยู่ที่การบริหารจัดการ เราต้องบริหารจัดการผลผลิตให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ ผู้ผลิตผลไม้ ผู้บริโภคทั้งไทยและต่างประเทศมากที่สุด ซึ่งงานนี้ได้รับความสนใจจากนักธุรกิจต่างชาติและผู้ส่งออกไทยเป็นอย่างดี มีการบูรณาการของหน่วยงานทั้งภาครัฐ กระทรวงพาณิชย์ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ พาณิชย์จังหวัด ทูตพาณิชย์ เกษตรกร และผู้ส่งออก ร่วมมือกัน ทำให้วันนี้มีความตกลงทางการค้ามากถึง 5 คู่ สร้างมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท
และนอกจากนี้ยังมีการบูรณาการระหว่างสินค้ากลุ่มดิจิทัลคอนเทนท์อย่างสินค้าคาแรกเตอร์กับสินค้าเกษตร เพื่อเพิ่มมูลค่าและขยายตลาดให้กับสินค้า ต่อไปจะได้เห็นสินค้าคาแรกเตอร์บนผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรแปรรูปมากขึ้นในอนาคต ซึ่งเราจะมุ่งลดภาระ อำนวยความสะดวกและสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการ ท่านนายกฯได้ให้นโยบายไว้ว่า กฎหมายไหนที่เป็นอุปสรรคให้อำนวยความสะดวกให้เอกชน เพราะเอกชนเป็นกองหน้าหาเงินให้ประเทศไม่ทอดทิ้งใคร ให้ความสำคัญกับคนตัวเล็ก คนตัวใหญ่ที่แข็งแรงช่วยกันผลักดันชูคนตัวกลางตัวเล็กขึ้นมา ซึ่งจะดำเนินการตามกฎระเบียบกติกาการค้าใหม่ของโลกที่จะต้องทราบแหล่งที่มาสินค้า ส่งเสริมความยั่งยืน และกระทรวงพาณิชย์พร้อมอยู่เคียงข้างและส่งเสริมให้ท่านแข็งแรงทำเงินให้กับประเทศต่อไป
“กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ มีแผนจัดกิจกรรมเร่งรัดผลักดันการส่งออกผลไม้สด แปรรูปและผลิตภัณฑ์เกษตรอื่นๆ รวมกว่า 35 โครงการ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อรักษาตลาดเดิมให้แข็งแรง ขยายตลาดใหม่ให้กับผู้ประกอบการไทย และสร้างโอกาสในการขายสินค้าให้มากขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม” นายภูมิธรรมกล่าว
ด้านนายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่าประเทศ ระบุว่า กรมฯได้ดำเนินการตามนโยบายของท่านรองนายกฯ เป็นทีมพาณิชย์ร่วมกับกรมการค้าภายใน สำนักงานพาณิชย์จังหวัด บูรณาการการทำงานอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ตลาดส่งออกผลไม้สดและแปรรูป ในปี 2566 มีมูลค่ากว่า 300,000 ล้านบาท และในปี 2567 คาดว่าจะการส่งออกผลไม้สดและแปรรูป จะมีปริมาณถึง 4.27 ล้านตัน มูลค่า 312,000 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 4% โดยเฉพาะสินค้าทุเรียนซึ่งเป็นผลไม้ส่งออกที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง โดยเฉพาะตลาดจีน
โดยในงานนี้กระทรวงพาณิชย์ได้เชิญผู้นำเข้าที่มีศักยภาพจากภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก อาทิ ภูมิภาคจีน สหภาพยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และกลุ่มประเทศ CLMV รวมกว่า 19 ประเทศ มีผู้ส่งออกไทยเข้าร่วมโครงการมากกว่า 100 บริษัท จำนวนจับคู่เจรจาการค้าทั้งรูปแบบ Onsite และ Online มากกว่า 700 นัดหมาย พร้อมตั้งเป้าสร้างมูลค่าเจรจาการค้าสูงกว่า 1,000 ล้านบาท สินค้าเป้าหมายหลัก อาทิ ทุเรียน ลำไย มังคุด มะพร้าว และผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูปต่าง ๆ และจากนี้กรมฯจะเร่งผลักดันมาตรการบริหารจัดการผลไม้ปี 2567 อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อสนับสนุนและเพิ่มโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการไทย ประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กับสินค้าผักและผลไม้ไทย รสชาติดี มีเอกลักษณ์ มีคุณภาพ และได้มาตรฐานการส่งออกไปทั่วโลก