#รีวิว Carne (การ์เน่) เมนูเนื้อชั้นเลิศ ความอร่อยในเปลวไฟ ตัวจริงเรื่องปิ้ง ย่าง รมควัน
When Fire and Meat Come Together, Good Things Happen
Miledayกินเที่ยว365วัน พบกับความอร่อยน้องใหม่ สไตล์ละติน Carne (การ์เน่) ร้านอาหารที่พกพาความอร่อยของเมนูเนื้อหลากชนิดในระดับเกรดพรีเมี่ยม ผสมผสานการปรุงแต่งจากเปลวไฟ เมื่อเนื้อกับไฟมาพบกัน ความอร่อยชั้นเลิศจึงบังเกิด ดั่งสโลแกน “When Fire and Meat Come Together, Good Things Happen” จริงจังเรื่องปิ้ง ย่าง รมควัน โดยเชฟสุดหล่ออเมริกัน-เม็กซิกัน ผู้เปี่ยมด้วยพลังการสร้างสรรค์เมนูได้อย่างลงตัว แวะมาเช็คอินก่อนใคร ในบรรยากาศสุดคลาสสิค ใช้ช่วงเวลาดีๆนั่งจิบเครื่องดื่มที่ถูกใจ กับเมนูที่ถูกรส แล้วคุณจะรู้จัก “การ์เน่” มากขึ้น
Carne (การ์เน่) ร้านสไตล์โมเดิร์นในโทนสีดำตัดด้วยการซ้อนกันของกำแพงสีส้มอิฐเป็นแนวยาว ผสานเส้นสายลายทะเเยงของตัวร้าน มีลูกเล่นแสงและเงาที่รอดผ่าน ดูลึกลับแต่ไม่ซับซ้อน เส้นทางเดินเชื้อเชิญเข้ามา สะดุดตาด้วยประติมากรรมวัวกระทิงตัวใหญ่อันเป็นเอกลักษณ์ สื่อถึงกลิ่นอายความเป็นสเปน ที่เราจะลิ้มรสในสไตล์อาหารของที่นี่
ในตัวร้านยังคลุมโทนสีดำตัดสีอิฐ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นหลักอย่างมีสไตล์ เรียบง่ายแต่แฝงความโก้หรู ให้ความสงบเป็นส่วนตัว แบ่งออกเป็นโซนต่างๆ ทั้งโซนบาร์เครื่องดื่ม โซนปาร์ตี้กลุ่ม โซนรวม และโซนไฮไลต์บาร์อาหาร ในบรรยากาศครัวเปิดโล่ง ชมการทำงานของเหล่าเชฟโชว์เสน่ห์ปลายจวักให้เราทานแบบดูไปหิวไป ชิลล์ไป เพลินๆ
มาทำความรู้จักร้าน Carne (การ์เน่) ให้มากขึ้น ผ่าน คุณธนพร มารควัฒน์ และ คุณพลอยพรรณ มารควัฒน์ Executive Director ที่สั่งสมประสบการณ์ด้านธุรกิจร้านอาหารมานานนับสิบปี และยังเป็นผู้นำเทรนด์อาหารสไตล์ใหม่ๆ ให้เหล่านักกินได้ลิ้มลองความอร่อยกันอีกหลายร้านที่ทุกคนรู้จักกันดี เล่าว่า
แรงบันดาลใจของการ์เน่ เกิดขึ้นที่ฝั่งสเปนและอเมริกาใต้ ซึ่งในภาษาสเปนเเละอิตาลี มีความหมายว่า เนื้อ (meat) มาใน Concept การนำเสนอวิธีการปรุงอาหารสไตล์ละติน โดยเน้นที่การนำเนื้อสัตว์ชั้นดีแต่ละชนิดที่มีความพิเศษเฉพาะตัวและหลากหลายในรสชาติ อย่าง เนื้อวากิวผสมเนื้อวัวไทย เนื้อไก่เบญจา (ไก่ที่เลี้ยงด้วยข้าวกล้องอุดมด้วยคุณค่าสารอาหาร) เนื้อปลาตกเบ็ดจากเกาะลันตา และเนื้อหมูดำของชาวบ้านที่เลี้ยงเอง ผสมผสานกับวัตถุดิบพื้นบ้านชั้นเลิศของไทยเข้ามาสอดแทรกในแต่ละเมนู ลงตัวได้อย่างชัดเจนด้วยกรรมวิธีการทำ ที่เน้น “ความอร่อยในเปลวไฟ” พิสูจน์ความเป็นตัวจริงเรื่อง Grill (ย่าง) Smoke (รมควัน) และ Roast (อบ) ในรสชาติที่เข้มข้น โดยใช้เชื้อเพลิงหลักจากถ่านกะลามะพร้าวเพื่อความหอมแบบวิถีธรรมชาติ ในรสสัมผัสของอาหาร
จุดเด่นอีกอย่างที่การ์เน่ไม่มองข้าม ใส่ใจในคุณภาพ ลงมือปลูกผักเองกับมือ เพื่อให้ลูกค้าได้ทานผักปลอดสารพิษ สด ใหม่ และปลอดภัยอย่างแน่นอน เรียกได้ว่าดูแลวัถตุดิบกันตั้งแต่ต้นทาง ส่งผ่านรสมือเชฟผู้ใส่ใจในรสชาติอาหารทุกขั้นตอน สู่ปลายทางนักชิมเฉกเช่นเรา
ตัวตนของการ์เน่มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน ทุกเมนูเกิดจากแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ออกแบบมาจากเชฟคนสำคัญอย่าง เชฟมาเตโอ โรเบอร์สัน (Mateo Roberson) เชฟหนุ่มไฟแรงลูกครึ่งอเมริกัน-เม็กซิกัน เกิดและเติบโตมาในครอบครัวที่เปิดร้านอาหารในเท็กซัส มีใจรักในการทำอาหารมาตั้งแต่เด็ก เขาได้เริ่มออกเดินทางสั่งสมประสบการณ์ในร้านอาหารดังๆ ระดับมิชลินมาหลายประเทศ จนมาถึงเมืองไทย เขาอยากค้นหาความท้าทายใหม่ๆจากการทำอาหารไทย จนมีโอกาสได้พบกับคุณพลอยพรรณและคุณธนพร การรวมตัวของผู้ที่หลงรักในการทำอาหาร ร้าน Carne (การ์เน่) จึงเริ่มต้นขึ้น “When Fire and Meat Come Together, Good Things Happen” ในคอนเซ็ปที่ชัดเจน
ทุกเมนูอาหารของการ์เน่ ถูกออกแบบอย่างผสมผสานมาจากแรงบันดาลใจของสองวัฒนธรรมที่ถ่ายทอดออกมาผ่านรสมือเชฟ เชฟมีความตั้งใจพิถีพิถันในทุกขั้นตอน เก็บทุกรายละเอียดแบบไม่อยากให้พลาดสักที่แม้กระทั่งการตกแต่งจาน โดยยืดหยัดความเป็นเนื้อวัตถุดิบหลัก เน้นการปรุงแต่งจากไฟ และไม่ลืมนำวัตถุดิบรองในพื้นที่มาใช้ เพื่อให้ได้รสชาติชั้นเลิศที่ทำให้คุณติดตราตรึงใจจนต้องกลับมาทานอีกครั้ง มาเริ่มกันที่เมนูแรก
Skirt Asada – 890 Baht
เมนูคนรักเนื้อไม่น่าพลาด จัดเต็มเนื้อสันไทยวากิว ส่วนอกหรือกระบังลม ที่มีกลิ่นเฉพาะแทรกมันที่มีความหอมที่สุด นำไปย่างกับน้ำมันมะพร้าวเเละเครื่องเทศ สไลด์เป็นชิ้น ฉ่ำๆ มีเดียมแรร์ไม่สุกมาก ไม่แห้งไป เสิร์ฟพร้อมซอส Green Adobo ทำจากเมล็ดฟักทอง ท็อปด้วยซาโยเต้หรือลูกฟักแม้วเคลือบน้ำผึ้งย่าง
Wagyu Beef Tongue – 350 Baht
ลิ้นวัววากิวที่นำมาผ่านกรรมวิธี Slow Cook ข้ามคืน รสนุ่มชุ่มเนื้อ แล้วนำมาย่างถ่านต่อให้หอมอย่างพิถีพิถัน เสิร์ฟพร้อม Molcajete Salsa ซัลซ่าแบบอุ่นให้รสเปรี้ยว ทำมาจากมะเขือเครือ มะเขือพื้นบ้านไทย โรยกรุบกรอบด้วยเมล็ดฟักทอง เมล็ดเเตงโม เเละลูกผักชี
Bone Marrow – 350 Baht
ภูมิใจนำเสนอเมนูนี้เป็นที่สุด ด้วยรูปลักษณ์ตรงหน้าคุณอาจเกิดคำถามขึ้นในใจ ว่ามันคือเมนูอะไร? Bone Marrow ทำมาจากไขกระดูกวัว เสิร์ฟมาในรูปของกระดูกแท้ๆเข้าคอนเซ็ป มีดีที่ซอส Romesco จากสเปน ทำจากอัลมอนด์กับฮัสเซลนัทให้รสมันหวานกรุบกรอบมีเทกเจอร์ของซอส เสิร์ฟพร้อมซอส Boquerones (Marinated White Anchovy) คู่เคียงขนมปังโฮมเมดอิตาลี Focaccia ปิ้งกรอบ กินให้ครบรสต้องตักให้ถึงแก่นทุกเลเยอร์ ความฟินจะเข้ามาแทนที่เอง
Pork Tomahawk – 590 Baht
มาทำความรู้จักกับ หมูโทมาฮอว์ก กันบ้าง เนื้อหมูคูโรบุตะชั้นดี เเช่ในน้ำเกลือเเละสมุนไพร นานถึง 4 ชม แล้วมาหมักต่อกับโคจิเเดงและเครื่องเทศให้หมูนุ่มซึมเข้าเนื้อ เเล้วนำไปย่างถ่านกะลามะพร้าวให้หอม เสิร์ฟพร้อมสัปปะรดภูเเล ซัลซ่า เเละมันหวานญี่ปุ่น แต่งให้สวยด้วยพริกเขียว ได้รสสัมผัสนุ่มหอมเข้าเนื้อ หากได้ลองแล้วไม่อาจเปลี่ยนใจ
Fire Grill Chicken Roulade – 480 Baht
เมนูไก่ก็ไม่น้อยหน้า ใช้ไก่เบญจาชั้นดี เลี้ยงแบบออแกนิคด้วยข้าวไรซ์เบอร์รี่ในฟาร์มเปิด นำมาม้วนสอดไส้สมุนไพรในสไตล์ฝรั่งเศส เเล้วนำไปย่างต่อให้กรอบนอกนุ่มใน หอมกลิ่นย่างเคล้ารสสมุนไพร เสิร์ฟร้อนๆ ตัดด้วยรสชาติซอสข้าวโพด 3 อย่าง Corn Purée เเละ ซอส Jus ชุ่มฉ่ำ
Grilled Line-Caught Fish Fillet – 790 Baht
ถึงเวลาเมนูปลาอวดโฉม ปลาเก๋าดอกแดงชิ้นโตส่งตรงจากเกาะลันตา ย่างในเตาร้อนๆให้หนังกรอบๆ อวดเนื้อขาวแน่นเนียน หวาน สด ของเนื้อปลาทานคู่กับซอส Remoulade รองพื้นด้วยเลมอนฝาน ความอร่อยการันตีแคลอรี่ต่ำ
Octopus Adobo – 380 Baht
ปลาหมึกสายชิ้นโตของไทย นำไปตุ๋นให้เนื้อนุ่ม หมักต่อด้วยสมุนไพรก่อนนำไปย่างหอมเครื่องเทศ ทานคู่สลัดใบชะคราม ซ่อนพิวเร่ถั่วขาวไว้ชั้นล่าง เพิ่มรสชาติความหอม มัน สด กรอบ ในหลายขั้นตอนการทำเพื่อให้ได้รสชาติที่ถูกใจคนทาน
Sea Bass Ceviche – 320 Baht
ยำสไตล์เปรู ปลากะพงขาวชิ้นโตส่งตรงจากเกาะลันตา สดๆ หวานๆ ราดตามด้วยน้ำยำ Tiger’s Milk สูตรเปรู ท็อปด้วยชมพู่ กับ Avocado Salsa และชิปส์มันม่วงกรอบ ให้รสชาติจัดจ้านจี๊ดจ๊าดคล้ายความเป็นไทย
Seafood Cocktail – 290 Baht
ยกทะเลมาใส่ลงแก้ว ชื่อคุ้นหูอาจจะนึกว่าเป็นเมนูเครื่องดื่ม แต่กลายเป็นเมนูอาหารที่เชฟได้แรงบันดาลใจมาจากอาหารประจำครอบครัว ที่ผสมผสานความเป็นละตินอเมริกาเข้าไปในน้ำซอสสูตรพิเศษที่เน้นมะเขือเทศเป็นวัตถุดิบหลัก เข้ากับรสชาติความเป็นทะเลของ กุ้ง ปลาหมึก ปลา อย่างลงตัว ทานคู่กับผักสมุนไพรไทย อย่างลูกฟักแม้วอมเปรี้ยว
Grilled Padron Peppers – 180 Baht
พริกสเปนย่างกับดอกเกลือไทย เครื่องเคียงเพิ่มเติมรสชาติให้เมนูอาหาร กินกับอะไรก็อร่อยแซ่บยิ่งขึ้น
Pan de Cassava – 150 Baht
ขนมปัง Cheese Bread ทรงกลมยอดนิยมจากแถบอเมริกาใต้ หอม มัน อร่อย ด้วยชีส Gorgonzola DOP อันเลื่องชื่อของอิตาลี อบให้กรอบนอกนุ่มใน ตัดเค็มนิดๆ ด้วยเกลือ Smoke Sea Salt ทานเล่นก็เหมือนทานจริง ลูกเดียวไม่พอ
Risi Pasta – 480 Baht
3 เมนูน่าทานในหมวดพาสต้า เราเลือกเมนู Risi Pasta มองครั้งแรกอาจนึกว่าเป็นริซอตโต แต่จริงๆเป็นพาสต้าชนิดนึงคล้ายเม็ดข้าว นำมาผัดกับซอสมิโซะมันปู แอบซ่อนเนื้อปูชิ้นโต ไว้แบบเต็มคำ เพิ่มเติมรสชาติด้วยเห็ดทรัฟเฟิลฝานบางๆ ท็อปสเปกแฮมรมควันกรอบตามอีกหน่อย ให้รสครีมมี่หวาน เค็ม มัน หอม อร่อยลงตัวกว่าที่คิด
Sweet Corn Succotash Salad – 150 Baht
เมนูสลัดข้าวโพด แปลกใหม่น่าทาน นำข้าวโพดไปย่างบนเตาถ่านให้หอม นำมาผัดต่อด้วยไฟแรงๆกับ Chorizo (แหนมสเปน) เสิร์ฟคู่ Smoked Mayonnaise Grilled Lime คลุกเคล้าให้เข้ากันด้วยซอสสีแดง Pimento จากโปรตุเกส ให้รสเผ็ดนิดๆ หวาน มัน หอมกลิ่นข้าวโพดย่าง
Ember Roasted Beetroot Salad – 260 Baht
สลัดบีทรูทในรสชาติใหม่ ไม่อยากซ้ำใคร นำบีทรูทไปอบกับสมุนไพรเเละเกลือให้หอม เสิร์ฟพร้อมผัก Red Watercress, คีนัว, ถั่วPecanคั่วกรอบสมุนไพร คลุกเคล้าด้วยซอส Black Mint and Basil ให้ความหอมของสมุนไพร ได้รสกรอบหวานของผัก ตัดความมันด้วยถั่ว อัดแน่นด้วยคุณประโยชน์เต็มจาน ใครที่ไม่ชอบรสบีทรูทมีเปลี่ยนใจ ถ้าได้ลอง
Radicchio and Spinach Salad – 240 Baht
ทานสลัดอย่างมีสีสัน เอาใจสายเฮลท์ตี้ตัวจริง ผัก Radicchio และ Spinach สดๆปลูกเองกับมือ เสิร์ฟพร้อมส้มย่างให้ความสดชื่น หวาน หอมความเกรียม คลุกเคล้าน้ำสลัดที่ทำมาจากเกสรผึ้ง เเละ Gorgonzola Dop ชีส ครบทุกรสชาติ อร่อยได้ประโยชน์
Baby Cos Caesar – 240 Baht
ซีซ่าสลัดส่งตรงจากสวนของตัวเอง รับประกันความสด ใหม่ ปลอดสารพิษ ขนมปังเชฟใช้ข้าวโพดมาทดแทน (Cornbread Croutons) ซึ่งเชฟได้ดัดแปลงมาจากเมนูที่บ้านเกิด ราดด้วยน้ำสลัดสูตรพิเศษ ได้ความหวานจากการนำเอาอินทผาลัมมารมควัน ตัดความเค็มด้วยแองโชวี เพิ่มความหอมจากผิวเลมอน อร่อยด้วยชีสนมแกะ (Fiore Sardo) ขั้นตอนเยอะขนาดนี้อาจจะไม่คิดว่านี่คือเมนูซีซ่าสลัดที่เราคุ้นตา
Tres Leches – 280 Baht
ตบท้ายวันดีๆ ที่เมนูของหวานการ์เน่ ซิกเนเจอร์ อิ่มแล้วต้องสั่ง มาแล้วต้องโดน เชฟขอนำเสนอเป็นที่ขึ้นชื่อของสเปน เนื้อเค้กทำมาจากแป้งมะพร้าวและผิวส้ม กับนม 3 ชนิด Coconut milk, While milk, Condense milk เนื้อเค้กให้รสนุ่มชุ่มนมละมุนลิ้นแม้เนื้อจะไม่ละเอียด ตัดด้วยรสชาติเปรี้ยวอมหวานของสับปะรดภูเเล ที่นำมา Caramelized กับเหล้ารัม ให้ความหอมปะเเล่มๆของผิวมะกรูด ทานคู่กับไอศกรีมวนิลาที่ไม่หวานมาก แนะนำว่าต้องทานให้ครบทุกอย่างพร้อมกันในหนึ่งคำ คุณจะเข้าใจรสชาติที่เชฟต้องการให้สัมผัส
บาร์เครื่องดื่ม มาพร้อมเมนูเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ รังสรรค์อย่างมีเอกลักษณ์ สดชื่นในแบบฉบับการ์เน่ นอกจากอาหารเลิศรสที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด แวะมาใช้เวลาดื่มด่ำกับเครื่องดื่มดีๆสักแก้ว ก็ไม่ทำให้คุณต้องผิดหวังเช่นกัน
Aqua de Sandia – 200 Baht เครื่องดื่มม็อกเทล ให้ความสดชื่นของแบล็คมินท์และแตงโม
Virgin Huacachina – 200 Baht เครื่องดื่มม็อกเทลใส่แตงกวาและน้ำสมุนไพรไทยใบเตย
Huacachina – 290 Baht เครื่องดื่มค็อกเทลมีส่วนผสมของเหล้า Smirnoff, ตะไคร้, แตงกวา, น้ำมะพร้าว, น้ำใบเตย และน้ำส้ม
Carne (การ์เน่) ปักหมุดรอเลย!! หาไม่ยาก ร้านแทรกตัวอยู่กลางซอยสุขุมวิท 23 ตรงสี่แยกตัดกับ ซ. 21 เดินเข้าได้ทั้งสองซอย ร้านอยู่ตรงหัวมุมพอดี เดินทางง่ายโดยรถสาธารณะ BTS – MRT ลงสถานีอโศก-สุขุมวิท หรือรถยนต์ส่วนตัว ที่จอดรถมีพร้อม
32/2 สุขุมวิท 23 คลองเตยเหนือ วัฒนา กทม 10110
โทร 02-163-4971 / 066-069-2288
Facebook/instagram : carnebkk