นายเกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็มดิสทริค (MR. KRIENGSAK TANTIPIPHOP, CEO OF EM DISTRICT) กล่าวว่า ‘ดิ เอ็มสเฟียร์’ (THE EMSPHERE) จะเป็น ‘ความเร้าใจและ ชีพจรแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ’ (THE VIBE OF BANGKOK NEVER EXPERIENCED BEFORE) และการเปิด ดิ เอ็มสเฟียร์เป็นเพียงก้าวแรกในการเติมเต็ม เอ็มดิสทริค ที่ประกอบด้วย 3 ศูนย์การค้า ได้แก่ ดิ เอ็มโพเรียม ดิ เอ็มควอเทียร์ และดิ เอ็มสเฟียร์ ให้สมบูรณ์ในอนาคต โดย ดิ เอ็มโพเรียม จะมีการพัฒนา (Evolving) ปรับปรุง (Renovation) โดย ดิ เอ็มโพเรียมจะเป็น LUXURY INSTITUTE (ความเป็นที่สุดแห่งความหรูหรา) และ ดิ เอ็มควอเทียร์ จะเป็น CUTTING EDGE LUXURY & HYBRID (ความลักซ์ชัวรี่ที่เหนือระดับ มีความเป็นเอกลักษณ์ของไลฟ์สไตล์) ในขณะที่ ดิ เอ็มสเฟียร์ เป็น ฟิวเจอร์ รีเทล (Future Retail) เมื่อรวม 3 ศูนย์การค้าเข้าด้วยกัน เอ็มดิสทริค จะเป็นศูนย์การค้าแห่งอนาคตที่สมบูรณ์แบบ ที่สามารถขับเคลื่อนถนนสุขุมวิท ให้เป็นย่านการค้าสำคัญดังเช่น ย่านการค้าสำคัญในหลายประเทศ เป็นสิ่งใหม่ในอุตสาหกรรมรีเทลที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
เอ็มดิสทริค จะเป็น DISTRICT OF HAPPENING โดยที่ เอ็มดิสทริค มีร้านอาหาร ที่ปิดดึกหลัง เที่ยงคืน บางร้านเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง เป็นศูนย์รวมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ตอบโจทย์แนวคิด SLEEPLESS METROPOLIS หรือ เมืองที่ไม่เคยหลับใหล ผสานกับศักยภาพของเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ระดับเวิลด์คลาส ได้แก่ UOB LIVE ซึ่งเป็น WORLD-CLASS ARENA ความจุ 6,000 ที่นั่ง รองรับการจัดคอนเสิร์ต กิจกรรมระดับโลก สนับสนุนแนวคิดการสร้างศูนย์กลางเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ในระดับภูมิภาคอาเซียน (HUB OF ENTERTAINMENT) ตลอดจนการเป็นสถานที่โชว์เคสของสุดยอดนวัตกรรมยนตรกรรมที่เป็น INNOVATIVE ระดับโลก อาทิ Rolls-Royce, BMW รวมถึงความสมบูรณ์แบบของ โชว์รูมยนตรกรรม INNOVATIVE ชั้นนำอีกมากมาย อาทิ แลนด์โรเวอร์ (Landrover), ปอร์เช่ (Porsche), วอลโว่ (Volvo), ฮุนได (Hyundai), AION แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายเป็นอันดับ 3 ในประเทศจีน เป็นต้น
กล่าวโดยรวม ดิ เอ็มสเฟียร์ จะเป็นศูนย์กลางการ Hang out & Socialize บนทำเลที่ดีที่สุด บนถนนสุขุมวิท รวบรวมเทรนด์และไลฟ์สไตล์กว่า 300 ร้านค้ามากกว่า 1,000 แบรนด์ มาไว้บนพื้นที่กว่า 200,000 ตารางเมตร กับ 2 อาคารที่เชื่อมต่อกัน ใช้แนวคิด Industrial Style ในการตกแต่งภายใน ซึ่งเป็นเทรนด์การออกแบบที่ได้รับความนิยม อีกทั้ง มีการใช้มิติของแสง สี เสียงเข้ามาช่วยเสริมบรรยากาศผสมผสานงานศิลปะภายในอาคาร สร้างความแตกต่างอย่างลงตัวจากศูนย์การค้าทั่วไป พร้อมเพิ่มประสบการณ์ของการใช้ชีวิตในยุค Society 5.0 หรือยุค Super Smart Society ซึ่งเทคโนโลยี นวัตกรรม จะมีผลต่อการขับเคลื่อนทุกไลฟ์สไตล์ ทำให้ ดิ เอ็มสเฟียร์ เป็นสิ่งเติมเต็มและผลักดันความเป็น FUTURE RETAIL ของเอ็มดิสทริค อย่างแท้จริง
ในส่วนของเทรนด์และไลฟ์สไตล์ ภายในศูนย์การค้า ดิ เอ็มสเฟียร์ และการฉลองอย่างยิ่งใหญ่ในวันที่ 1 ธันวาคม นี้ ของ ดิ เอ็มสเฟียร์ นางสาวอรธิรา ภาคสุวรรณ์ กรรมการผู้จัดการอาวุโส เอ็มดิสทริค (MS. ONTHIRA BHARKSUWANA, SENIOR VICE PRESIDENT EM DISTRICT) กล่าวว่า “ ดิ เอ็มสเฟียร์ (THE EMSPHERE) จะเป็น FASHION DESTINATION แห่งใหม่ใจกลางเมืองด้วยแบรนด์แฟชั่นชั้นนำกว่า 40 แบรนด์ กับคอนเซ็ปต์พิเศษที่เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย ได้แก่ United Colors of Benetton แบรนด์ดังจากอิตาลีกับคอนเซ็ปต์ใหม่ที่โดดเด่นด้วยเสื้อผ้าหลากสีสัน และ ลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ รวมถึง UNITED ARROWS และ BEAMS แบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นที่ตอบโจทย์สไตล์มินิมอลอันร่วมสมัย พร้อมด้วย
แบรนด์ไฮไลท์ CLUB21 LAB ที่มาพร้อมกับความสมบูรณ์แบบของ Multi-Label Store รวบรวมทั้งสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์หลากหลายแบรนด์ดัง อาทิ Fear of God ESSENTIALS, TEAM WANG design, ANDERSSON BELL, REST& RECREATION, และ AECA เป็นต้น พร้อมกันนี้ ยังมีแบรนด์จากไทยดีไซน์เนอร์รุ่นใหม่ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกอย่าง VINN PATARARIN และ PIPATCHARA ที่จะดึงดูดกลุ่ม NEW GENERATION เติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับโซนแฟชั่นได้อย่างลงตัว
ในกลุ่มร้านอาหาร มีร้าน Bread Street Kitchen & Bar ร้านอาหารบรรยากาศหรูหราสไตล์ All-Day Dining ที่เสิร์ฟเมนูสุดคลาสสิกของเชฟมิชลินชื่อดังระดับโลก Gordon Ramsay พร้อมด้วยร้าน Street Pizza พิซซ่าแป้งซาวโดวจ์อันเป็นเอกลักษณ์, OH MY GODMOTHER คาเฟ่และเบเกอรี่แห่งใหม่จาก ไอเบอรี่ กรุ๊ป หรือ สายชา พลาดไม่ได้กับ NAYUKI ชานมไข่มุกหมื่นล้านจากจีน ตลอดจนเป็นครั้งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการให้บริการของ IKEA ในคอนเซ็ปต์ใหม่ “City-Centre Store” หรือ “สโตร์ใจกลางเมือง” บนพื้นที่กว่า 12,000 ตร.ม.
นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกของการรวมร้านดังทั้งกรุงเทพฯ และโซเชียลมีเดีย มาเปิดให้บริการ ในศูนย์การค้า (FIRST TIME IN SHOPPING COMPLEX) ได้แก่ RINTARO ร้านไอศกรีม Gelato สัญชาติญี่ปุ่น, โรงกลั่นเนื้อ ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อชื่อดังจากถนนทรงวาด, ZAO ร้านอาหารอีสานชื่อดัง, MEDIUMS ร้านสารพัดเครื่องเขียน แนวครีเอทีฟ รวมถึงร้านชั้นนำที่มีคอนเซ็ปต์พิเศษ (FIRST TIME EXCLUSIVE CONCEPT) BIANCA ร้านอาหารอิตาเลี่ยนแบรนด์ใหม่ล่าสุดที่นำความอร่อยสุดคลาสสิคของอาหารอิตาเลี่ยนมานำเสนอในรูปแบบใหม่ รวมถึง SHAKE SHACK (เชค แช็ค) ร้านเบอร์เกอร์ดังจากอเมริกากับ คอนเซ็ปต์ใหม่บนถนนสุขุมวิท และยังมีแนวคิดร่วมพัฒนาคอนเซ็ปต์พิเศษร่วมกับแบรนด์ต่างๆ ในรูปแบบ FIRST TIME COLLABORATIONS สอดคล้องกับแนวคิด FUTURE RETAIL อีกด้วย โดยทั้งหมด คือ ปรากฏการณ์ระดับโลกสมบูรณ์แบบ (THE WORLD-CLASS MEGA MULTI-FACETED DEVELOPMENT) ที่เกิดขึ้นใจกลางย่านสุขุมวิท (THE EPICENTER OF BANGKOK) และตอบโจทย์ให้โลกให้มามองกรุงเทพฯ BANGKOK CALLING THE WORLD ในฐานะเมืองท่องเที่ยวชั้นนำที่น่ามาเยี่ยมเยือนอีกแห่งหนึ่งของโลกสำหรับการเฉลิมฉลองการเปิด ดิ เอ็มสเฟียร์ ได้ผนึกกำลังกับ 100 พันธมิตรกับรางวัลมูลค่ารวม 100 ล้านบาท กว่า 1,000 รางวัล ครอบคลุมทุกภาคส่วนธุรกิจ โดยในวันที่ 1-3 ธันวาคม 2566 ทุกคะแนนสะสมจาก 100 พันธมิตร มีมูลค่าสามารถนำคะแนน 10 คะแนนมาแลกรับบัตรกำนัลศูนย์การค้ามูลค่า 100 บาท พร้อมโปรโมชันจากบัตรเครดิตชั้นนำ อาทิ บัตรเครดิต Bangkok Bank M Visa เป็นต้น และระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2566 – 31มกราคม 2567 สุดยอดนักช้อปที่มียอดสูงสุดตลอดแคมเปญ 20 ท่าน รับของรางวัลสุดพรีเมียมมากมาย นอกจากนี้ ยังสามารถร่วมลุ้นรางวัลใหญ่กับประสบการณ์การท่องเที่ยวเหนือระดับ ได้แก่ เรือสำราญจาก Excellent Vacation Group ที่พักระดับเวิลด์คลาส และรางวัลพิเศษ อีกมากมาย พร้อม อภิมหาปรากฏการณ์เฉลิมฉลองทั้ง เอ็มดิสทริค อย่างยิ่งใหญ่อย่างไม่รู้จบตลอด เดือนธันวาคมและต่อเนื่องถึงมกราคม 2567 ทั้งในส่วนของ ดิ เอ็มสเฟียร์ ดิ เอ็มโพเรียม ดิ เอ็มควอเทียร์ ด้วยพาเหรด ดารา และศิลปินชั้นนำ ทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 100 ชีวิต นำโดยใหม่ ดาวิกา, ไบร์ท วชิรวิชญ์, วิน เมธวิน, บิวกิ้น พุฒิพงศ์, พีพี กฤษฏ์, ซี -นุนิว, ออฟ-กัน,นนกุล Pixxie, Trinity, เจเลอร์ กฤษณภูมิ, ต้าเหนิง กัญญาวีร์, จูเน่ เพลินพิชญา และอีกมากมาย พร้อมเซอไพรส์สุดพิเศษจากศิลปินระดับโลก