ด้วยชื่นชอบในความงดงามอันเกิดจากลีลาสอดประสานอย่างกลมกลืน นำไปสู่การเติมเต็มภารกิจสู่ความเป็นเลิศซึ่งจะทอดยาวสืบเนื่องไปเป็นหนทางตราบนิรันดร์ กว่าหลายทศวรรษที่ Van Cleef & Arpels ได้อาศัยแรงบันดาลใจ อันไร้ขอบเขตสิ้นสุดของนาฏกรรมการเต้น ศิลปะแห่งระบำปลายเท้าหรือที่คนทั่วไปเรียกว่า “บัลเลต์” ได้มอบบรรยากาศแห่งความวิจิตรบรรจงเยี่ยงบทกวี จากท่วงท่าอากัปสง่างามมาสู่งานออกแบบเครื่องประดับอัญมณีชั้นสูงของเมซง ตลอดจนบรรดาเครื่องประดับจำลองรูปร่างสตรีที่ล้วนเต็มไปด้วยความอ่อนช้อย บอบบาง น่าทะนุถนอมในหลากลีลาท่าเต้น
ตลอดระยะความเป็นมา Van Cleef & Arpels ได้ทวีความผูกพันแน่นแฟ้นกับโลกของนาฏกรรมยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องผ่านการร่วมงานสร้างสรรค์ศิลปะมากมายหลายรูปแบบ ซึ่งต่างก็สะท้อนให้เห็นถึงการยกย่องคุณค่า ความสำคัญของการใช้ความคิดสร้างสรรค์และการแบ่งปัน
ด้วยแรงบันดาลใจจากมรดกทางงานออกแบบประจำเมซง คอลเลคชันเครื่องประดับกระดุมทองหรือ Bouton d’or (บูตง ดอร) ได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ ซึ่งอาศัยเส้นสาย และรูปทรงสไตล์กราฟิกมารองรับการขึ้นลวดลายด้วยแผ่นโมทิฟ “กระดุมเลื่อม” เพื่อถ่ายทอดท่วงท่าสง่างามจากลีลานาฏกรรม อันเป็นที่รักยิ่งของ Van Cleef & Arpels และในฐานะเข็มกลัดนางระบำปลายเท้ารุ่นแรกสำหรับเครื่องประดับร่วมสมัยคอลเลคชันนี้ เมซงยังคงยึดมาตรฐานแห่งความเป็นเลิศ พร้อมกับยังสะท้อนถึงทักษะพิเศษเหนือชั้นในการสรรค์สร้างตัวเรือนรูปกายสตรีจากศิลปะเครื่องประดับชั้นสูง
ไหวพริบอันเฉียมคม กับพลังแห่งความสดใส ร่วมกันให้กำเนิดโครงสร้างทรวดทรงอ่อนช้อย ละมุนละไมของเข็มกลัดนางระบำกระดุมทองหรือ Bouton d’or ballerina clip หลังบรรจงสลักเสลาจนได้ประติมากรรมไขแว็กซ์เขียวเพื่อกำหนดน้ำหนักทรวดทรง และสัดส่วนอย่างแม่นยำแล้ว เรือนร่างของนักเต้นก็ถูกหล่อขึ้นด้วยทองคำสีเหลืองอร่ามก่อนนำไปขัดผิวจนหมดจด เกลี้ยงเกลา ขึ้นเงาสะท้อนทอประกายอบอุ่น เผยให้เห็นเส้นสายแสดงท่วงท่าอากัปอย่างชัดเจน และสง่างาม
กระโปรงบานสลับสีให้ความงดงามสามมิติจากการใช้แผ่นโมทิฟ “กระดุมเลื่อม” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากมรดกทางการสร้างสรรค์ของเมซง ในฐานะตัวแทนไหวพริบความชำนาญจากทักษะหัตถศิลป์ของช่างฝีมือแห่ง Van Cleef & Arpels แต่ละเม็ดเลื่อมทองคำ หรือแผ่นรัตนชาติ ได้รับการตัดเจียน และตกแต่งด้วยมือจนเป็นแผ่นแบน ทรงกลม ก่อนนำไปขัดผิวอย่างระมัดระวังให้ขึ้นเงาทอประกายวาววามอย่างเต็มที่ การฝังเรียงแถวของแผ่นโมทิฟทรงกระดุมเลื่อม ซึ่งทำจากทองคำเหลืองสกาว, หินไข่นกการเวก (turquoise) และพลอยน้ำสมุทร (lapis lazuli) นำมาซึ่งลวดลายนูนสลับ ก่อน้ำหนักทรวดทรงอย่างมีชั้นเชิง รองรับงานฝังเพชรไล่ระดับกระจายตัวทั่วตัวเรือน ทั้งในส่วนของเครื่องแต่งกาย, เครื่องประดับศีรษะ และรองเท้า อีกทั้งยังทวีความวิจิตรบรรจงของลีลาการเคลื่อนไหวให้ปรากฏอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยงานประดับลูกปัดเพชรเดี่ยวทิ้งตัวเรียงแถวเว้นระยะตลอดชายกระโปรง ซึ่งจะแกว่งไกวไปมาแม้จะมีอากัปขยับกายเพียงน้อยนิดก็ตาม