เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และคณะ ได้ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลในสังกัดกรมการแพทย์ เพื่อมอบนโยบายในการบูรณาการองค์ความรู้และทำงานร่วมกันแบบสหวิชาชีพ และผ่านภาคีเครือข่ายเพื่อยกระดับการดูแลผู้ป่วยกลุ่มโรค CRM (Cardio-Renal-Matabolic) ซึ่งประกอบไปด้วยโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคไต เป็นต้น โดยมี นายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขและโรงพยาบาลราชวิถีเข้าร่วมงาน
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน กล่าวว่า “ในปัจจุบัน ความชุกของกลุ่มโรค CRM โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคเบาหวานมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น โดยบุคลากรทางการแพทย์มีบทบาทสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้ และการให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วย อย่างไรก็ตามการทำงานร่วมกันแบบสหสาขาวิชาชีพและบูรณาการระหว่างภาคีเครือข่าย เป็นส่วนสำคัญเพื่อให้การดูแลผู้ป่วยเบาหวานเป็นไปได้อย่างครอบคลุม ซึ่งการดูแลรักษาโรคในปัจจุบันยังไม่สามารถบรรลุตามเป้าหมาย เนื่องจากปัญหาหลัก 4 ปัจจัย ได้แก่
1. การเพิ่มขึ้นของความชุกโรคเบาหวาน
2. การขาดความรู้และความเข้าใจในผู้โรคเบาหวาน รวมถึงการไม่มีระบบการให้ความรู้อย่างเป็นรูปธรรมในสถานพยาบาล
3. การควบคุมระดับน้ำตาลและปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ยังไม่ได้ตามเป้าหมาย
4. การขาดองค์ความรู้ในการทำให้เกิดเบาหวานระยะสงบ
ซึ่งกรมการแพทย์มีบทบาทและหน้าที่ในการดูแลรักษาโรคเบาหวาน เพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผ่านการดำเนินความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย”
ทั้งนี้ในปัจจุบันพบว่ามีอุบัติการณ์ของโรคเบาหวานในไทยกว่าร้อยละ 10.2[i] และมีผู้ป่วยโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นประมาณปีละกว่า 300,000 ราย[ii] อีกทั้งยังพบว่าประชากรที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป กว่า 5 ล้านคน ไม่เคยตรวจเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคเบาหวาน[iii] สำหรับผู้ที่เคยได้รับการวินิจฉัยโดยแพทย์ว่าเป็นเบาหวานแต่ไม่ได้รับการรักษา มีร้อยละ 13.9 ของผู้เป็นเบาหวานทั้งหมด ส่วนที่เหลือประมาณ 2 ใน 3 ของผู้ที่เป็นเบาหวานได้รับการรักษาอยู่ และมีเพียงร้อยละ 26.3 ของผู้ป่วยเบาหวานทั้งหมดสามารถคุมระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์[iv]
นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวย้ำถึงแนวทางที่ได้เคยกล่าวไปเมื่อช่วงวันเบาหวานโลก พ.ศ. 2567 ระบุว่า “การที่มีผู้ที่ป่วยเป็นเบาหวานจำนวนมากไม่ได้รับการวินิจฉัยและไม่รู้ตัวว่าเป็นเบาหวาน เกิดจากการไม่ตระหนักถึงอาการและความเสี่ยง ทำให้ตรวจคัดกรองล่าช้า ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจส่งผลให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ได้ จึงขอให้ประชาชนตระหนักถึงการดูแลตนเองให้ห่างไกลโรคเบาหวาน “อย่าส่งต่อโรคเบาหวาน ขอให้โรคเบาหวานสิ้นสุดที่รุ่นเรา”
ด้าน นายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ ระบุว่า “โรงพยาบาลราชวิถีมีความมุ่งมั่นในการตอบสนองยุทธศาสตร์ที่ 1 ของกรมการแพทย์ สำหรับการสร้างความเข้มแข็งเครือข่ายบริการและวิชาการทางการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศ และยุทธศาสตร์ที่ 3 ในพัฒนาแพทย์และบุคลากรด้านสุขภาพให้มีความเชี่ยวชาญและเพียงพอกับความต้องการของประเทศ โดยโรงพยาบาลราชวิถีเป็นสถาบันต้นแบบทางการแพทย์ (Medical Institutes) ในการเนินการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้และฝึกอบรมที่เป็นเลิศด้านการแพทย์และพยาบาล (COE Training Center) โดยทางโรงพยาบาลพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่การเป็นผู้นำทางด้าน Cardio-Renal-Metabolic (CRM) ของประเทศไทย เพื่อให้คุณภาพการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคเรื้อรังเป็นไปได้อย่างครอบคลุม”
[i] Thailand – International Diabetes Federation [Internet]. International Diabetes Federation. 2024. Availa-ble from: https://idf.org/our-network/regions-and-members/western-pacific/members/thailand/
[ii] Report Disease and Health Hazard News of Interest Along the Border. Department of Disease Control. 2023. Available from: https://ddc.moph.go.th/uploads/publish/1503020231127092424.pdf
[iii] Ibid.
[iv] Thai National Health Examination Survey VI Study Group.Thai National Health Examination Survey, NHES VI, Health
System Research Institute, 2021
