นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานในพิธีมอบโล่ เข็มประกาศเกียรติคุณแก่อาสาสมัครดีเด่นและองค์การที่มีกิจกรรมทางสังคมดีเด่น และเชิดชูเกียรติอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดีเด่น (อพม.) ประจำปี 2564 โดยมี นายอนุกูล ปีดแก้ว อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และแพทย์หญิงสุวณี รักธรรม รองประธานสมาคมสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ คนที่ 2 กล่าวรายงาน ทั้งนี้ นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวง พม. คณะผู้บริหารกระทรวง พม. และสมาคมสภาสังคมสงเคราะห์ฯ และผู้รับโล่ เข็มประกาศเกียรติคุณ เข้าร่วมงาน ณ ห้องประชุมชั้น 2 กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวง พม. สะพานขาว กรุงเทพฯ
นายจุติ กล่าวว่า ด้วย วันที่ 21 ตุลาคมของทุกปี เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อปี 2538 กำหนดให้วันที่ 21 ตุลาคมของทุกปี เป็นวันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติและวันอาสาสมัครไทย ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ร่วมกันจัดให้มีงานวันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติและวันอาสาสมัครไทยเป็นประจำทุกปี เพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พร้อมทั้งเพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณและพระราชกรณียกิจด้านการจัดสวัสดิการสังคม สังคมสงเคราะห์ และการพัฒนาสังคม ตลอดจนเพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณและเป็นแบบอย่างแก่อาสาสมัครและองค์การที่มีกิจกรรมทางสังคมดีเด่น สำหรับวันนี้ จึงได้กำหนดจัดพิธีมอบโล่ เข็มประกาศเกียรติคุณแก่อาสาสมัครดีเด่นและองค์การที่มีกิจกรรมทางสังคมดีเด่น และเชิดชูเกียรติอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดีเด่น (อพม.) ประจำปี 2564 โดยมีผู้เข้ารับโล่และเข็มประกาศเกียรติคุณ รวมทั้งสิ้น 150 คน ประกอบด้วย
1) อาสาสมัครดีเด่น จำนวน 111 คน
2) องค์การที่มีกิจกรรมทางสังคมดีเด่น จำนวน 11 คน และ
3) อพม. ดีเด่น จำนวน 28 คน
นายจุติ กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้ เป็นวันสดุดีผู้ให้แก่สังคม ซึ่งผู้ให้เป็นผู้ชนะความเห็นแก่ตัว ความเกลียดชัง ความท้อแท้ และความสิ้นหวัง วันนี้ ตนดีใจที่ได้เห็นผู้อาวุโสของสังคมยังกลับมาช่วยสังคมอย่างเสมอมาไม่ได้ขาด เป็นการถ่ายทอดมรดกของพฤติกรรมที่ดีๆ ของสังคมไทย และตนดีใจที่ได้เห็นเด็กรุ่นใหม่ทำหน้าที่ตรงนี้ สังคมยังมีความหวังกับคนรุ่นต่อไป ซึ่งสิ่งเล็กๆ ที่คนไทยทำให้ชาวโลกได้เห็นคือ คนไทยไม่ทิ้งกัน โดยบุคคลที่เป็นผู้ปิดทองหลังพระนั้นมีอยู่ทั่วประเทศ ดังนั้น วันนี้เรามาเผยให้โลกเห็นผู้ที่ปิดทองหลังพระว่ามีอยู่จริงและสังคมได้ประโยชน์ และถือว่าทุกท่านในวันนี้ เป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศ 77 จังหวัดที่ได้มารับรางวัลนี้ ทั้งนี้ ขอแสดงความชื่นชมและประกาศเกียรติคุณแก่อาสาสมัครดีเด่นและองค์การที่มีกิจกรรมทางสังคมดีเด่น ที่ได้เสียสละแรงกายและแรงใจ ในการทำงานจิตอาสา เพื่อช่วยเหลือสังคม อุทิศตนเพื่อส่วนรวม มุ่งมั่นตั้งใจอำนวยประโยชน์สุขต่อประชาชนและสังคมมาโดยตลอด และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การปฏิบัติงานเพื่อสังคมของทุกท่านจะเป็นแรงผลักดันและเป็นแบบอย่างที่น่าภาคภูมิใจให้ทุกภาคส่วนเข้ามาเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศต่อไป