“แม็กซ์เท็กซ์ เทรดดิ้ง กรุ๊ป” พัฒนานวัตกรรมใหม่ ยกระดับกระบวนการผลิตแป้งข้าวชนิดโม่น้ำ เปิดตัว Maxx – Series RFPC เครื่องจักรขนาดเล็กกะทัดรัดเจาะผู้ประกอบการ SMEs ชูจุดขายปรับเปลี่ยนวัตถุดิบได้หลากหลาย กำหนดปริมาณได้ตามกำลังการผลิต สร้างมูลค่าเพิ่ม ต่อยอด เพิ่มรายได้แบบทวีคูณ คุ้มค่าการลงทุน เตรียมทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์-ออฟไลน์ทั้งในประเทศและทั่วโลก ตั้งเป้าสร้างรายได้ 2 หมื่นล้านใน 10 ปี พร้อมเร่งวิจัยพัฒนาการผลิตแป้งเกรดพรีเมี่ยมภายใต้แบรนด์ MAXX เพื่อส่งออก รวมถึงรับผลิตในรูปแบบ OEM
นายไตรภพ บุญเหมือน ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท แม็กซ์เท็กซ์ เทรดดิ้ง กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนากระบวนการผลิตแป้งข้าวชนิดโม่น้ำ (Wet Milling Method) แบบ Compact Unit เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้ทุ่มเทด้านการพัฒนาและคิดค้นผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และขยายผลการดำเนินการทางด้านธุรกิจอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา ขณะนี้บริษัทฯ พร้อมเปิดตัว Maxx – Series RFPC กระบวนการโม่แป้งข้าวด้วยกรรมวิธีผลิตแบบโม่น้ำ (Wet Milling Method) แบบ Compact Unit สำหรับแปรรูปข้าวหลากหลายชนิด ซึ่งเป็นเครื่องจักรขนาดกะทัดรัดสำหรับจับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก หรือ SMEs โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการจดเครื่องหมายการค้า (Trade Mark) และสิทธิบัตร
นายไตรภพ กล่าวว่า สำหรับเครื่อง Maxx – Series RFPC นั้น เป็นเครื่องจักรขนาดเล็ก หรือ Compact Unit มีจุดเด่นหลักคือ เป็นนวัตกรรมการผลิตแป้งข้าวชนิดโม่น้ำที่ทันสมัย แปรรูปข้าวได้หลากหลายชนิด ได้มูลค่าเพิ่มแบบทวีคูณ และเป็นนวัตกรรมใหม่ที่มี Know How มีเทคโนโลยีของตัวเอง มีกำลังการผลิต 75 กิโลกรัมต่อชั่วโมง สำหรับรุ่น Maxx – 75 RFPC และสามารถเพิ่มได้ถึง 150 – 200 กิโลกรัมต่อชั่วโมง ในรุ่น Maxx – 150/200 RFPC
โดยเครื่อง Maxx – Series RFPC นี้สามารถปรับเปลี่ยนวัตถุดิบได้หลากหลาย อาทิ ข้าวเจ้า ข้าวเหนียว ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวนึ่ง ข้าวญี่ปุ่น ข้าวบาสมาติ ข้าวไต้หวัน ฯลฯ รวมถึงข้าวออร์แกนิค โดยผู้ประกอบการสามารถกำหนดปริมาณวัตถุดิบได้ ไม่ต้องกักตุนหรือใช้วัตถุดิบในปริมาณที่มาก ซึ่งแตกต่างจากเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่ต้องใช้วัตถุดิบในปริมาณมากถึงจะสามารถดำเนินการผลิตได้ นอกจากนี้ คุณภาพของแป้งข้าวที่ได้จากเครื่อง Maxx – Series RFPC จะมีความละเอียดสูงมากกว่า 100 mesh ความชื้นประมาณ 13% ซึ่งอยู่ในมาตรฐานที่ดี ทำให้อายุแป้งสามารถเก็บไว้ได้นานกว่า 2 ปี โดยคุณสมบัติดังกล่าวนี้สามารถนำไปเป็นส่วนผสมกับแป้งชนิดอื่นๆ ได้
กระบวนการผลิตแป้งข้าวชนิดโม่น้ำของเครื่องรุ่นนี้มีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ทำความสะอาดง่าย โดยหลัก ๆ มี 3 ส่วนสำคัญคือ
1. ส่วนของการแช่และโม่ข้าว
2. ส่วนของการบีบอัด
3. ส่วนของการอบ
จึงพูดได้ว่า Maxx – Series RFPC เป็นกระบวนการผลิตแป้งข้าวชนิดโม่น้ำที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม ต่อยอด และเพิ่มรายได้แบบทวีคูณ และคุ้มค่าอย่างมากสำหรับการลงทุน” นายไตรภพกล่าว และว่า บริษัทฯ มีแผนจัดจำหน่ายเครื่อง Maxx – Series RFPC ไปทั่วโลก โดยมีการขอข้อมูลและการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ และสร้างเครือข่ายทางการค้าผ่าน Maxtex Singapore ซึ่งเป็น Business Unit ของแม็กซ์เท็กซ์ในการบริหารการค้าในต่างประเทศ เพื่อให้เข้าถึงตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น รวมทั้งระบบเอเย่นต์ ดิสทริบิวชั่น และรูปแบบแฟรนไชส์มาสร้างเครือข่ายหรือเน็ตเวิร์คในการทำธุรกิจแบบเวิลด์ไวด์ เพื่อเป็นการตอกย้ำแบรนด์ฝีมือคนไทยทีมีศักยภาพไม่แพ้ชาติใด ๆ ในโลก
รวมทั้งมีการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงรูปแบบของการเปิดให้เยี่ยมชมสินค้า (Open House) การจัดแสดงสินค้า (Road Show) และการจัดนิทรรศการ (Exhibition) ทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลกในปี 2564 นี้ เพื่อให้นักลงทุนได้เห็นถึงกระบวนการการทำงานที่ชัดเจนของเครื่องจักร และเป็นการสร้างโอกาสและทางเลือกให้กับนักลงทุนด้วย
“เรามีระบบการทำ Feasibility Study และ ROI หรือทำการศึกษาเพื่อวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้และความคุ้มค่าในการลงทุน เพื่อให้ลูกค้ามองเห็นความเป็นไปได้ในการลงทุนว่าใช้งบประมาณในการลงทุนจำนวนเท่าไหร่ และใช้ระยะเวลาในการคืนทุนภายในระยะเวลากี่ปี โดยมีสูตรในการคำนวณให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีการใช้เงินลงทุนน้อยและคืนทุนเร็วมาก ทำให้เชื่อว่าเครื่องจักรดังกล่าวนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีทั้งจากตลาดในประเทศและต่างประเทศ” นายไตรภพ กล่าว
ทั้งนี้ ได้ตั้งเป้าหมาย หรือ Smart Goal ไว้ว่าบริษัทฯ จะมีรายได้จากทั่วโลกทั้งในส่วนของ Compact Unit และ Large Size Unit รวม 20,000 ล้านบาท หรือประมาณ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในอีก 10 ปี หรือภายในปี 2574 โดยแบ่งเป็นตลาดเวียดนาม มูลค่า 6,000 ล้านบาท ส่วนตลาดในประเทศไทยคาดว่าจะมียอดขายเครื่อง Maxx – Series RFPC จำนวน 10 ยูนิตต่อปี คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,700 ล้านบาท และขนาดการผลิต 300-2,000 กิโลกรัมต่อชั่วโมง จำนวน 2 ยูนิตต่อปี มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ที่เหลือจะเป็นยอดการจำหน่ายไปยังประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกอีกกว่า 11,000 ล้านบาท
นางสาวสาวิตรี จอมจันทร์ รองประธานกรรมการกลุ่มบริษัท แม็กเท็กซ์ เทรดดิ้ง กรุ๊ป จำกัด กล่าวเสริมว่า นอกจากบริษัทฯ จะมุ่งเน้นด้านการพัฒนาและคิดค้นผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่หลากหลายขึ้นตลอดเวลากว่า 24 ปีที่ผ่านมาแล้ว ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนาการผลิตแป้งข้าวสาลีชนิดโม่น้ำ เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของตลาดแป้งข้าวสาลี โดยใช้เครื่อง Maxx – 75 RFPC และ Maxx – 150/200 RFPC ซึ่งสามารถทำการส่งออกนวัตกรรมของคนไทยนำเงินเข้ามาพัฒนาประเทศ รวมทั้งนำนโยบาย BCG Model ของรัฐบาลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสีเขียวมาใช้ เพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภาคเกษตร โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรให้มีมูลค่าสูงขึ้น
“ปัจจุบันเราผลิตแป้งจากเครื่อง Maxx 75 – 200 RFPC พร้อมออกแบบแพ็กเกจจิ้งที่ทันสมัย ภายใต้ แบรนด์ Maxx จากข้าวหลากหลายชนิด เช่น ข้าวเจ้า ข้าวเหนียว ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวญี่ปุ่น ข้าวบาสมาติ ฯลฯ เพื่อส่งออกแป้งข้าวเกรดพรีเมี่ยมไปทั่วโลก ผ่านช่องทางการขายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ นอกจากนั้นยังมีแผนรับผลิตแบบ OEM หรือรับจ้างผลิตให้กับกลุ่มโมเดิร์นเทรด ผู้ประกอบการ และนักลงทุนทั่วไปด้วย” นางสาวิตรีกล่าว
นางสาวสาวิตรี ยังกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการดูแลช่วยเหลือสังคม โดยมีกิจกรรม CSR ร่วมกับชุมชนอย่างต่อเนื่อง อาทิ การบริจาคข้าวเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม มอบทุนการศึกษาเด็ก บริจาคอุปกรณ์กีฬาให้กับโรงเรียนต่าง ๆ ที่อยู่ที่ห่างไกลและขาดโอกาส เป็นต้น และเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย รวมถึงประเทศอื่น ๆ ในปัจจุบัน บริษัทฯ จึงได้เปิดเพจ Facebook ชื่อว่า “ปันปัน แป้งจ้าว” เพื่อช่วยเหลือคนไทย ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าแม่ค้าที่ขายขนม อาหาร และใช้แป้งข้าวเป็นวัตถุดิบในการปรุง หรือบุคคลทั่วไปที่ต้องการสร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว โดยการแจกแป้งข้าวฟรีให้กับคนที่ลงทะเบียนรับการช่วยเหลือ บริษัทฯ ขอเป็นส่วนหนึ่งเล็กๆ ของประเทศไทย ในการช่วยเหลือและตอบแทนสังคม รวมถึงสร้างขวัญและให้กำลังใจคนไทยที่ไม่ยอมแพ้ต่อปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นด้วย