ด้วยยุคเศรษฐกิจฝืดเคืองต้องประหยัดทุกค่าใช้จ่าย หลายคนอยากหารายได้เสริม แต่ไม่รู้จะขายหรือทำอะไรดี วันนี้เรามีความอร่อยมาฝาก และสำหรับใครที่อยากมีรายได้เสริม ขอแนะนำร้าน “ก๋วยเตี๋ยวหมูยิ้ม” ไว้เป็นอีกทางเลือก เพราะ ดร.เบญจวรรณ สุจริต เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวหมูยิ้ม ต้องการส่งต่อความอร่อย รวมถึงอยากสร้างอาชีพให้คนที่กำลังมองหารายได้เสริม
ดร.เบญจวรรณ สุจริต เผยว่า ส่วนตัวเป็นคนชอบทำอาหารอยู่แล้ว เมื่อมีเวลาว่างก็จะเข้าครัวคิดสรรค์เมนูต่างๆ และทำออกมาให้คนที่เรารักทาน จนวันหนึ่งเราอยากทำตามความฝัน ที่ได้เห็นทุกคนมีความสุขกับการกินอาหารที่เราทำ และอยากเปิดร้านขายอาหารเล็กๆ จึงปรึกษาครอบครัว ซึ่งโชคดีที่สามีสนับสนุนทุกความฝันที่เราคิด จึงเกิดเป็นร้าน “ก๋วยเตี๋ยวหมูยิ้ม” ที่มาพร้อมสโลแกน “ก๋วยเตี๋ยวหมูยิ้ม เราให้มากกว่าการกินก๋วยเตี๋ยว” เป็นสูตรก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยดั้งเดิมของคุณย่า ที่ทำรับประทานกันเองในครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่น และด้วยตนเองเป็นคนเหนือเลยคุ้นชินกับเครื่องเทศพื้นเมืองต่างๆ ดีอยู่แล้ว จากนั้นเริ่มพัฒนาสูตรของสุโขทัยมาเรื่อยๆ จนได้รสชาติกลมกล่อม อร่อยไม่เหมือนใคร โดยตอนนี้มีทั้งหมด 3 สาขา ได้แก่ สาขาอุตรดิตถ, สาขาน่าน และสาขารัชดา
“ที่อุตรดิตถ์เป็นสาขาใหญ่ของที่บ้าน และขยายไปน่าน ต่อมาเกิดการพูดปากต่อปาก ประกอบกับร้านของเราถูกเชิญไปออกรายการ 5 เช้าเม้าท์ใหญ่ ทางช่อง 5 ก็ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากคนที่ต้องการหารายได้เสริม เพราะมีคนติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์เป็นจำนวนมาก ซึ่งตรงกับแนวคิดของเราที่อยากจะสร้างอาชีพแก่ทุกคน ให้เขามีรายได้ด้วยตัวเอง และเปิดที่สาขารัชดา เมื่อเร็วๆนี้ เพื่อรองรับลูกค้าในเมือง และนอกจากจะมีทานหน้าร้านแล้ว เรายังรับจัดงานนอกสถานที่อีกด้วย”
ดร.เบญจวรรณ กล่าวอีกว่า เมนูเด็ดของทางร้าน ที่ไม่ว่าใครมาทานที่ร้านจะสั่งเมนูนี้เป็นอันดับแรก คือ “ก๋วยเตี๋ยวไทยทรงเครื่อง” เพราะเป็นเมนูที่อัดแน่นไปด้วยเครื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหมูแดงอบน้ำผึ้ง หมูนุ่ม หมูสับ ผักลวก ที่ตกแต่งรสแบบต้นตำรับไทยโบราณ คือ ถั่วป่น พริกป่น และมะนาว อร่อยจัดจ้านโดยไม่ต้องใส่เครื่องปรุงเพิ่ม
เมนูต่อมาที่ได้รับความนิยมไม่แพ้เมนูแรก คือ “หมูอบน้ำผึ้งทานกับน้ำจิ้มสามรส” หรือน้ำจิ้มซีฟู๊ด ที่เมื่อได้ชิมไปจะรู้สึกถึงเนื้อหมูที่จิ้มในน้ำจิ้มทำให้สัมผัสรสชาติทั้ง เปรี้ยว เค็มและหวานพร้อมกัน ประกอบกับความพิเศษของเนื้อหมูอบน้ำผึ้ง ที่ออกจากเตาร้อนๆ ทำให้มีน้ำหมูแดงไหลเยิ้มล้นจาน
“เราเป็นคนชอบทานก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย และชอบทานหมู แต่มักเจอปัญหาหมูแห้งและแข็งกระด้าง บางร้านก็หั่นเนื้อบาง ซึ่งไม่ใช่แบบที่เราอยากทาน เพราะเราอยากทานหมูนุ่มหอมกลิ่นสมุนไพร จึงพัฒนาสูตรประมาณปีครึ่ง ถึงได้เนื้อหมูและรสชาติแบบที่ต้องการ ตั้งแต่ประเภทเนื้อหมู กระบวนการหมักหมู วัตถุดิบต่างๆ กระทั่งได้หมูตามสูตรของเรา นอกจากก๋วยเตี๋ยวแล้ว ที่ร้านยังมีเมนูอื่นๆอีกด้วย เช่น ข้าวหมูอบน้ำผึ้ง ข้าวหมูนุ่มลวก เป็นต้น”
ปัจจุบัน คนหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น ที่ร้านจึงมีนโยบายไม่ใช้ผงชูรสในการปรุงแต่งอาหาร และหมูหมักน้ำผึ้งสามารถตอบโจทย์คนรักสุขภาพได้อย่างแน่นอน เพราะเราใช้สารสกัดจากหญ้าหวานแทนน้ำตาล และน้ำผึ้งป่าในการหมัก โดยใช้เครื่องปรุงประมาณ 16 ชนิด ในการหมักแต่ละรอบ จากนั้นนำเนื้อหมูมาหมักในเครื่องหมักเนื้อสุญญากาศ ที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส ซึ่งจะใช้เวลาในการหมักนานถึง 3 วัน 3 คืน ก่อนนำมาอบด้วยเตาถ่านต่อไป ทำให้เนื้อหมูมีความหอมเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
ดร.เบญจวรรณ กล่าวต่อไปว่า ช่วงนี้ยังอยู่ในการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีคนตกงานมากมาย บางรายโดนลดเงินเดือนและกำลังมองหารายได้หลัก-เสริม เราจึงต้องการสร้างอาชีพให้คนกลุ่มนี้ จึงมีความคิดที่ว่า ถ้าเราขายเกี่ยวกับอาหาร อย่างก๋วยเตี๋ยวหรือข้าวหมูอบน้ำผึ้ง ก็น่าจะสร้างรายได้แก่เขาไม่มากก็น้อย และราคาแฟรนไชน์เริ่มต้นเพียง 2 หมื่นบาท ก็สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจได้แล้ว
โดยแฟรนไชส์ก๋วยเตี๋ยวหมูยิ้ม มีทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่
รูปแบบ A ชุดหมูยิ้มอบน้ำผึ้ง ราคา 29,999 บาท ได้เมนูข้าวหมูแดง ข้าวหมูลวก และยำหมูแซบ,
รูปแบบ B ชุดเตี๋ยวหมูยิ้ม ขนาดกลางประมาณ 3-5 โต๊ะ ราคา 49,999 บาท เพิ่มเมนูก๋วยเตี๋ยว
รูปแบบ C ชุดร้านก๋วยเตี๋ยวหมูยิ้ม ขนาดใหญ่ 10 โต๊ะขึ้นไป ราคาขาย 79,999 บาท โดยทุกรูปแบบจะได้รับอุปกรณ์ครบชุด รวมถึงวัตถุดิบทันที หรือถ้าใครต้องการซื้ออุปกรณ์จากที่ร้านอื่นก็สามารถทำได้ มีเพียงแค่หมูแดงกับหมูลวกเท่านั้นที่ต้องสั่งกับทางร้าน เพื่อรักษามาตรฐานของเนื้อหมูที่เหมือนกับร้านดั้งเดิมก่อนมีแฟรนไชน์ เมื่อพร้อมเราจะสอนงานจนกว่าจะเป็น กระทั่งเปิดร้าน โดยราคาอาหารต่อจาน-ชามละ 40-50 บาทเท่านั้น
“เราจะสอนตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ การทำน้ำซุป การหมักหมู การเตรียม การอบหมู การจัดวางในถ้วย เทคนิคการขายและการบริการ โดยอบรมให้หลังได้รับเคาวเตอร์ พร้อมช่วยตกแต่งสถานที่จัดจำหน่าย โดยผู้ซื้อแฟรนไชส์จะต้องออกค่าเดินทางและค่าที่พักให้ผู้สอน”
Recent Comments